เซสชันอัปเดต ‘Creative Trends 2025’ จากงาน Synergy Talk: Creative Change 2025 ของ BrandThink โดย คุณลักญ – เอกลักญ กรรณศรณ์ ที่จะมาอัปเดตว่าจริง ๆ แล้ว BrandThink คืออะไร และจะมีการเติบโตต่อไปอย่างไรบ้างในอนาคต
What is BRANDTHINK
ตลอดระยะเวลา 17 ปีที่ผ่านมา BrandThink ได้พัฒนาและปรับตัวจาก Production House สู่การเป็น Publisher และขยายบทบาทสู่การเป็น End-to-End Solution ที่ครอบคลุมทุกมิติของการสร้างสรรค์คอนเทนต์
พร้อมสร้างพื้นที่ที่รวบรวมเหล่าครีเอเตอร์ (Creator Community) และต่อยอดสู่ธุรกิจใหม่อย่าง BrandThink Cinema และ IP Experience เกิดเป็น ‘The Evolution of Behavior, Tech, Creators’
เพราะเทรนด์ คอนเทนต์ และผู้คนที่เปลี่ยนไปทำให้ BrandThink ได้แบ่ง ‘Trend’ และ ‘Changes’ ที่สร้างอิทธิพลต่อวงการคอนเทนต์ คือ
Non-demographic Targeting
ในยุคที่ความชอบ และความสนใจของผู้คนเริ่มโฟกัส และมีความเฉพาะเจาะจง เกิดเป็นตลาด Niche Marketing ที่ลึก และต้องการอินไซต์มากขึ้น ทำให้ผู้คนแต่ละกลุ่มเริ่มมีคำจำกัดความในแบบของตัวเอง เช่น Cosplay, K-Pop และ Art Toy เป็นต้น
New definitions: เกิดกลุ่มเป้าหมายใหม่ ที่ไม่อยากเหมือนกลุ่มเป้าหมายอื่น เลยพยายามที่จะหาทางให้กลุ่มของตัวเองแตกต่างอย่าวมีตัวตนที่สุด New Communities: ผู้คนเริ่มเชื่อมต่อ และมีความสัมพันธ์กับกลุ่มคนที่มีความชอบ ความคิด และความเชื่อเหมือนกัน เกิดเป็นคอมมูนิตี้ที่มีความแน่นแฟ้นมากขึ้น Delaying adulthood: ช่วงอายุของผู้คนในปัจจุบันเริ่มจำกัดการเป็นวัยรุ่นน้อยลง โดยจะอยู่ในช่วงอายุ 19-24 ปีเท่านั้น โดยเหล่า Gen Z มักจะทำกิจกรรมที่วัยรุ่นชอบทำมากขึ้น และให้ความสนใจกับอะไรที่คนยุคต่อไปสนใจ The Forever Young Adult: วัยผู้ใหญ่ในปัจจุบันให้ความสำคัญกับ Life Time ของตัวเอวมากขึ้น และอยากที่จะใช้เวลาไปกับการอยู่บ้านอย่างมีความสุขในช่วงอายุ 30 ปี The Boom Continues: No Rules, No Limit, Just Impact
การครีเอทีฟในยุคนี้ไม่มีขอบเขต และสามารถคิดนอกกรอบได้มากกว่าที่เคย และหลาย ๆ แบรนด์กล้าที่จะนำเสนอความไม่สมบูรณ์แบบ เพื่อให้ผู้คนรู้สึกสมบูรณ์แบบมากขึ้น และทุกวันนี้ไม่ว่าจะอายุเท่าไหร่ทุกคนก็สามารถครีเอทีฟคอนเทนต์ และกลายเป็นครีเอเตอร์ได้
The Rise of Hybrid Content Creator
การเป็นคอนเทนต์ครีเอเตอร์ปัจจุบัน ไม่ได้มีแค่การทำคอนเทนต์ คิดคอนเทนต์และจบไป แต่ต้องมีการคิด และทำที่ครบสูตรมากขึ้น โดยจะมีองค์ประกอบ คือ
– CONTENT > FORMAT > DISTRIBUTION > REVENUE
.
ซึ่งองค์ประกอบเหล่านี้จะทำให้เกิดยุคของ ‘Monetization & Creator-Led Economies’ ที่เส้นแบ่งระหว่างแฟนคลับ และครีเอเตอร์จะถูกเบลอเข้าด้วยกัน กลายเป็นคอมมูนิตี้ของแต่ละครีเอเตอร์เอง ทำให้ผู้คนติดตามครีเอเตอร์แทนแพลตฟอร์ม
Cultural Fluidity & Global Influence
เพราะความแตกต่าง และหลั่งใหลของวัฒนธรรม จึงทำให้เกิดความหลากหลายของอุตสาหกรรมมากขึ้น
– NOLLYWOOD: โปรดักชันรายใหญ่ในไนจีเรียที่ครองอันดับ 2 รองจากอินเดีย ในการผลิตภาพยนตร์ และซีรีส์
– Korean Wave = Hallyu: การสร้าง Soft Power ที่ส่งคลื่นเป็นเวฟระยะ ๆ และเข้าไปถึงใจคน และรับรู้วัฒนธรรมร่วมกันได้ ผ่าน K-Content, K-Pop, K-Food และ K-Movie
โดยสรุปแล้วเทรนด์ใหม่ ๆ เหล่านี้ ท้ายที่สุดก็จะต้องมา “Synergy: 1+1 = New Possibility” เกิดเป็นกลยุทธ์ใหม่ ๆ ที่ทั้งครีเอเตอร์ และแบรนด์ต่างหาวิธี Collaborations เพื่อสร้างประสบการณ์ใหม่ ๆ ในยุคนี้
- Lego x ONE PIECE
- หมูเด้ง คอลแลบกับ 38 แบรนด์
- KFC x Burger King
- GRAMMY x RS
- OK MAMA x Squid Game
POWER OF SYNERGY 2025
– BrandThink Cinema: ภาพยนตร์เรื่อง “ฮาลาบาลา” และ “Tame”
– IPX (IP Experiences): อีเวนต์ “THINK DAY”, “MIND DAY”, “Sauce Chef Table”
– Publisher: สื่อ “INTO THE BETTER LAND”, “ถอดสูตร”, “Sauce POWER”
– Brand Partnership: การคอลแลบระหว่าง BrandThink x Plan B
เรียกได้ว่า ถือเป็นอีกก้าวสำคัญของ BrandThink ที่ได้เติบโตพร้อมการทิศทางใหม่ ๆ ด้วยวิถี Creative Change และขับเคลื่อนวิชันต่าง ๆ ให้เติบโตไปพร้อมกับ 3 กลยุทธ์
– Intelligence: ยกระดับการวางแผนการสื่อสารแบบครบวงจร ครอบคลุมทั้ง Communication Planning, Media Planning and Optimization รวมถึงการบริหารจัดการ Media Buying และ KOL Strategy
– Data Driven Marketing: มุ่งเน้นการค้นหาโอกาสทางการตลาดผ่านการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึก ทั้ง Marketing Discovery, Target Discovery and Insights และการวัดประสิทธิภาพแคมเปญ
– Business Development: สร้างโมเดลธุรกิจใหม่ผ่านการร่วมลงทุนในรูปแบบ Co-own, Co-Investment และ Profit Sharing พร้อมพัฒนาระบบจัดการข้อมูลส่วนกลางเพื่อสร้างโอกาสทางธุรกิจ
