ในปัจจุบัน 71% ของผู้บริโภคมีการใช้โซเชียลมีเดียมากขึ้นในปี 2020 ที่ผ่านมา เพราะฉะนั้นแบรนด์เองก็จำเป็นต้องอยู่กับโซเชียลมีเดียกว่าเป็นสองเท่า และที่สำคัญคือต้องรู้พฤติกรรมการใช้งานโซเชียลมีเดียของผู้บริโภค เพื่อที่จะได้นำสถิติเหล่านั้นมาวิเคราะห์และวางแผนในการใช้กลยุทธ์ต่าง ๆ เพื่อโปรโมตแบรนด์ให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้ดีมากยิ่งขึ้นนั่นเอง
ซึ่งสถิติต่าง ๆ ของการใช้งานโซเชียลมีเดียจะเป็นสิ่งที่ทำให้แบรนด์หาบทสนทนา เชื่อมต่อ และสร้างปฏิสัมพันธ์กับผู้บริโภคได้เป็นอย่างดี แถมยังช่วยให้เข้าใจว่าแพลตฟอร์มใดที่ผู้บริโภคคาดหวังว่าจะเห็นแบรนด์ นอกจากนี้ยังนำข้อมูลสถิติต่าง ๆ เหล่านี้มาพัฒนากลยุทธ์ที่จะช่วยเพิ่มโอกาสให้แบรนด์สามารถนำหน้าคู่แข่งไปได้อีกหนึ่งก้าวอีกด้วย
รู้แบบนี้แล้วเราไปดูความสำคัญ และสถิติต่าง ๆ ที่แบรนด์ควรรู้ จะได้เข้าใจผู้บริโภคมากขึ้น และนำข้อมูบลสถิติเหล่านี้ไปพัฒนาต่อยอดกลยุทธ์ให้ตอบโจทย์ผู้บริโภคกลุ่มเป้าหมายกันมากขึ้นดีกว่าค่ะ
ข้อมูลสถิติบอกอะไรบ้าง?
- รู้ข้อมูลเชิงลึกที่ช่วยให้แบรนด์เข้าใจกลุ่มเป้าหมายมากขึ้น เช่น ความสนใจ หรือคอนเทนต์ประเภทไหนที่ผู้บริโภคมีส่วนร่วมมาก
- แสดงให้เห็นว่าผู้บริโภคมีพฤติกรรมการใช้ผลิตภัณฑ์หรือบริการของแบรนด์อย่างไร
- แสดงให้เห็นว่าผู้บริโภคชอบหรือไม่ชอบอะไรเกี่ยวกับแบรนด์
- นำข้อมูลไปวิเคราะห์และพัฒนาคอนเทนต์
- นำข้อมูลไปสนับสนุนหรือต่อยอดการทำงานส่วนอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง
- วิเคราะห์แนวโน้มของเทรนด์ในอนาคต
- รับรู้ Performance ของแคมเปญต่าง ๆ และนำไปประเมินผล
ประเภทคอนเทนต์ที่ประสบความสำเร็จบนโซเชียลมีเดีย
- วิดีโอ 54%
- รูปภาพ 53%
- ตัวหนังสือ 30%
- สตอรี 26%
- ไลฟ์ 25%
ถึงแม้จะมีสถิติออกมาเป็นตัวเลข แต่ท้ายที่สุดแล้วแบรนด์ก็ยังควรวิเคราะห์จุดยืนของตัวเอง ความต้องการและความสนใจของผู้บริโภค ประกอบกับเทรนด์ต่าง ๆ เพื่อผลิตคอนเทนต์ออกมาให้ตอบโจทย์มากขึ้นอยู่ดี
สิ่งที่เสริมให้แบรนด์มีภาพลักษณ์ที่ดีบนโซเชียลมีเดีย
- การมี Customer service ที่ดี
- การมี Engage กับกลุ่มเป้าหมาย
- การมีความโปร่งใส
- ผลิตคอนเทนต์ที่เป็นที่น่าจดจำ
- การมีเอกลักษณ์ที่โดดเด่นและชัดเจน
- การบอกเล่าเรื่องราวที่น่าสนใจ
- เป็นผู้นำเทรนด์หรือมีส่วนร่วมบนโซเชียล
- การใช้ประโยชน์จาก Pop culture ในการโปรโมตแบรนด์และการสื่อสารกับกลุ่มเป้าหมายได้เป็นอย่างดี
กิจกรรมต่าง ๆ ที่แบรนด์ทำบนโซเชียลมีเดีย ไม่ว่าจะเป็นการสื่อสาร เล่าเรื่องแบรนด์ หรือการตอบกลับแชท ล้วนแล้วแต่เป็นสิ่งที่สามารถตอบโจทย์ความต้องการของกลุ่มเป้าหมาย และช่วยเสริมให้ภาพลักษณ์ของแบรนด์ดูดีขึ้น ได้อีกด้วย
ดังนั้นแบรนด์จึงควรตระหนักถึงสิ่งต่าง ๆ เหล่านี้แล้วนำไปปรับใช้ เพื่อเข้าใจและดูแลผู้บริโภคให้อยู่กับแบรนด์ไปเรื่อย ๆ จนสามารถกลายเป็น Brand Loyalty ได้ในที่สุด
ช่องทางที่ลูกค้าทิ้งฟีดแบ็กมากที่สุด
- ช่องทางโซเชียลมีเดีย 31%
- อีเมล 18%
- เว็บไซต์รีวิว 16%
- เว็บไซต์บริษัท 12%
- โทรผ่าน Customer service 11%
- แบบสำรวจของแบรนด์ 8%
- ผ่านหน้าร้านค้า 3%
- อื่น ๆ 1%
เนื่องจากปัจจุบันโซเชียลมีเดียนับเป็นช่องทางหลักที่คนมักใช้ในชีวิตประจำวัน สำหรับแบรนด์เองก็ควรปรับตัวและหันมาใช้ช่องทางโซเชียลมีเดียเป็นช่องทางหลัก และใช้หลากหลายแพลตฟอร์ม เพื่อเป็นการเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างหลากหลายมากขึ้น
สิ่งที่ผู้บริโภคทำเมื่อกดติดตามแบรนด์บนโซเชียลมีเดีย
- เข้าชมเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชันของแบรนด์
- ซื้อสินค้าหรือบริการของแบรนด์
- เลือกแบรนด์จากแบรนด์คู่แข่งอื่น ๆ
- แนะนำแบรนด์ให้กับคนรอบข้าง
- เขียนรีวิวเกี่ยวกับแบรนด์
- อ่านคอนเทนต์ผ่านเว็บไซต์หรือบล็อกของแบรนด์
- มีส่วนร่วมกับแบรนด์บนโซเชียลมีเดีย
ความคาดหวังของผู้บริโภคต่อแบรนด์
- ผู้บริโภคช่วงอายุ 18-23 ปี มีความคาดหวังให้แบรนด์แสดงให้เห็นว่าเข้าใจในสิ่งที่ต้องการและจำเป็นสำหรับพวกเขา
- ผู้บริโภคช่วงอายุ 24-39 ปี และ 40-55 ปี มีความคาดหวังให้แบรนด์ผลิตคอนเทนต์ที่เกี่ยวข้องกับวัฒนธรรมต่าง ๆ มากขึ้น
- ผู้บริโภคช่วงอายุ 18-23 ปี มีความคาดหวังให้แบรนด์ตอบคำถามเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้
- ส่วนความคาดหวังอื่น ๆ เช่น ผลิตคอนเทนต์ให้ความรู้เกี่ยวกับสินค้าหรือบริการของแบรนด์ และมีส่วนร่วมกับผู้บริโภคบนโซเชียลมีเดีย เป็นต้น
ที่มา: sproutsocial