ปัญหาเรื่องโปรเจ็กต์คริปโตยังไม่ทันจบ ล่าสุด David Marcus หัวหน้าทีมส่วนธุรกิจคริปโตของ Meta และเคยเป็นประธานของ PayPal ก็ได้ประกาลาออกจากบริษัทภายในสิ้นปีนี้ โดยกล่าวว่าจะหาโอกาสในการลงทุน และค้นหาแรงจูงใจจากนอกองค์กรแทน
Marcus ได้มีโอกาสอยู่ฝ่ายบล็อกเชน และเปิดตัว ’Libra’ หรือระบบการจ่ายเงินดิจิทัลบนเฟซบุ๊ก ที่เป็นตัวผลักดันอีคอมเมิร์ซ ขยายขอบเขตการค้าขาย เพื่อช่วยเหลือผู้ใช้ทั่วโลก และ Meta ก็เห็นว่าเป็นวิธีที่จะกระตุ้นให้คนโอนเงินผ่านระบบมากขึ้น จึงกำเนิดเป็นโปรเจ็กต์ Novi ขึ้นมา (ชื่อเดมคือ Calibra)
แต่หลังจากนั้นไม่นาน ฝั่งอินเดียก็ได้ตัดความหวังโดยการไม่สนับสนุนการชำระเงินผ่านระบบดิจิทัล และ Meta ทำให้เฟซบุ๊กสูญเสียกุญแจดอกสำคัญในโปรเจ็กต์ครั้งนี้ไป ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา Meta จึงปรับรูปแบบและเปลี่ยนชื่อโปรเจ็กต์เป็น Novi แบบในปัจจุบัน ตอนช่วงเดือนพฤษภาคมปีที่แล้ว
โดยได้ทดสอบกระเป๋าเงินดิจิทัลของ Novi ในสหรัฐฯ และกัวเตมาลา ให้ผู้ใช้สามารถรับส่งเงินผ่านสองภูมิภาคได้ ซึ่งนี่ก็เป็นโปรเจ็กต์ที่ก้าวกระโดดล่าสุดที่ Marcus ได้กล่าวในประกาศ ถึงแม้โปรเจ็กต์จะก้าวสู่อีกขั้น แต่ก็ยังเป็นที่น่ากังวลเกี่ยวกับคริปโต ความปลอดภัย และเครื่องมือของ Meta
ตามความเป็นจริง ยังมีอีกหลายประเทศที่แบนการใช้คริปโตโดสมบูรณ์อยู่ ทั้งจีนและอินเดีย ขณะเดียวกันสวีเดนก็ได้เรียกร้องให้ EU แบนโปรเจ็กต์คริปโต เนื่องจากผลกระทบทางด้านสภาวะอากาศจากการขุดคริปโตนั่นเอง รวมถึงยังมีประชาชนในสหราชอาณาจักรเองก็สนับสนุนการแบนคริปโตเช่นเดียวกัน
การที่ Marcus โบกมือลาบริษัทเช่นนี้ เหมือนเป็นการสูญเสียความเชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมคริปโต และถือเป็นผลกระทบสำคัญของ Meta จึงเป็นที่น่าจับตามองต่อไปว่าโปรเจ็กต์ Novi จะพัฒนาต่อไปอย่างไรในปี 2022
ที่มา : Social Media Today