“อีลอน มัสก์” อ้างว่า Apple ขู่จะระงับ Twitter ออกจาก App Store โดยไม่ระบุเหตุผล นอกจากนี้ Apple ยังแทบจะหยุดการลงโฆษณาบนแพลตฟอร์มทั้งหมด จากเดิมที่เคยลงโฆษณาในไตรมาสแรกของปี 2022 กว่า 50 ล้านดอลลาร์ ซึ่งคิดเป็น 4% ของรายได้ในไตรมาสนั้น
ซึ่งเมื่อรายได้จากการลงโฆษณาของ Apple หายไป นั่นเทียบเท่ากับ 2.1 ล้านคนที่จ่ายเงินสมัคร Twitter Blue ราคา 8 ดอลลาร์ต่อเดือน เพื่อให้ได้เครื่องหมาย Verified Account หรือด้วยค่าภาษี 30% ของ Apple ซึ่งเท่ากับ 3 ล้านคนที่มัสก์จำเป็นต้องเปิดสมัครสมาชิกเพื่อหาเงินมาทดแทนในส่วนนั้น
เหตุการณ์ดูเหมือนจะไม่จบง่าย ๆ เมื่อมัสก์เมนชันถึง “ทิม คุก” ผู้บริหาร Apple ว่า “What’s going on here @tim_cook?” และหลังจากนั้นมัสก์ก็ขุดเรื่องที่อ้างว่า Apple ปิดบังไว้ อย่างเช่น การอ้างว่า Apple ไม่ยอมรับ Free Speech หรือประเด็นที่ Apple เก็บภาษี 30% จากผู้พัฒนาแอปที่สร้างรายได้มากกว่า 1 ล้านดอลลาร์บน App Store ที่มัสก์ได้พูดถึงเรื่องนี้มาเป็นปีแล้ว
ที่ผ่านมา Twitter ได้ทดสอบขอบเขตการตรวจสอบเนื้อหาของ Apple มาเป็นเวลานานเกี่ยวกับการซ่อน หรือแบนเนื้อหาที่ไม่เหมาะสม ซึ่งส่วนมากมักเป็นเนื้อหาสำหรับผู้ใหญ่ ทั้งบน Discord และ Tumblr แต่ Twitter เป็นแพลตฟอร์มใหญ่เพียงเจ้าเดียวที่ยังมีเนื้อหาประเภทนั้นอยู่บนแพลตฟอร์ม
“โยเอล โรธ” อดีตผู้บริหาร Twitter กล่าวว่ามีการถกเถียงกับ Apple มาเป็นเวลานาน ในเรื่องของเนื้อหา ทั้งที่มีการเหยียดชนชาติ และแฮชแท็ก #boobs เป็นต้น และสาเหตุที่ Apple ขู่จะระงับ Twitter ออกจาก App Store อาจเป็นเพราะ Twitter ไม่ปฏิบัติตามกฎที่ตั้งไว้ก็เป็นได้
การที่ Apple ขู่มัสก์แบบนั้น ก็เหมือนเล่นกับไฟ เพราะหลังจากนั้นมัสก์ได้สร้าง Poll สอบถามความคิดเห็นว่า Apple ควรจะเปิดเผยการกระทำที่กระทบถึงผู้บริโภคที่ปิดบังไว้หรือไม่ ซึ่งตอนนี้ผู้ตอบ Poll กว่า 1.8 ล้านคน เห็นด้วยถึง 84.9%
“การเปิดศึกในครั้งนี้ก็เพื่ออนาคตของชาติ หาก Free Speech ยังใช้ไม่ได้แม้แต่ในอเมริกา เผด็จการก็คือสิ่งที่รออยู่เบื้องหน้า” มัสก์กล่าวไว้บนทวีตของเขา
แม้ตอนนี้จะไม่รู้แน่ชัดว่า Twitter 2.0 ในแบบของมัก์เป็นอย่างไร ถึงแม้เขาจะบอกเหล่านักโฆษณาว่าจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงนโยบายของ Twitter และให้วางใจในการลงโฆษณาบนแพลตฟอร์มได้ โดยไม่ต้องกังวลเรื่องเนื้อหาที่ไม่เหมาะสม
แต่ขณะเดียวกันเขาก็พูดว่า Twitter จะเป็นอิสระ และเปิดกว้างเสรีในการพูดมากขึ้น ซึ่งมันก็ขัดกับนโยบายของแพลตฟอร์มที่พยายามจะกำจัด Hate Speech หรือแม้กระทั่งการปลดแบนแอคเคานต์ที่เคยทำผิดกฏบนแพลตฟอร์มกว่าพันแอคเคานต์ ศึกนี้จะจบลงอย่างไรคงต้องติดตามกันต่อไป
อ้างอิง: Social Media Today