หลายคนอาจเคยได้ยินคำว่า Evergreen Content หรือบางคนอาจเคยได้ยินว่า Vanilla Content กันมาบ้าง ซึ่งทั้งสองชื่อนี้ก็เป็นชื่อเรียกประเภทคอนเทนต์ประเภทหนึ่ง ที่เชื่อว่าแทบทุกเว็บไซต์ ทุกเพจจะต้องมีคอนเทนต์ประเภทนี้อยู่ในคลังแน่นอน แล้ว Evergreen Content คือคอนเทนต์ประเภทไหน? มีข้อดียังไง? ต้องทำยังไงถึงจะให้คอนเทนต์ออกมาดี วันนี้ RAiNMaker มีคำตอบมาให้ทุกคนกันค่ะ!
Evergreen Content คืออะไร?
เป็นชื่อประเภทหนึ่งของคอนเทนต์ ที่นิยามคอนเทนต์ประเภทที่คนจะกลับมาอ่านเรื่อยๆ แม้เวลาจะผ่านไปนานแล้วก็ตามแต่ตัวเนื้อหาก็ยังคงสดใหม่ หรือมีความเหนือกาลเวลานั่นเอง ที่สำคัญคือ Evergreen Content ไม่จำเป็นต้องเป็รสิ่งที่อยู่ในกระแส หรือเป็นเรียลไทม์ และมักจะเป็นคอนเทนต์เกี่ยวกับประเด็นที่เป็นพื้นฐานความสนใจทั่วไปของคนมากกว่า
ซึ่งก็จะมีความสำคัญกับเว็บไซต์ หรือบล็อก เพราะการที่มีคลังคอนเทนต์ที่เป็น Evergreen Content ไว้ สามารถเก็บเป็นบทความที่คนจะมาอ่านเมื่อไหร่ก็ได้ ทำให้มีโอกาสที่คนจะเสิร์ชเจอบทความเราได้มากเช่นเดียวกัน นอกจากนี้บางทีอาจมีการนำบทความกลับมารีโพสต์ผ่านโซเชียลมีเดียได้อีกด้วย
Evergreen Content ควรทำยังไง?
หลายคนอาจคิดหนักว่าถ้าไม่ใช่คอนเทนต์ที่อิงกระแส หรือเป็นประเด็นที่ผู้คนให้ความสนใจมากขนาดนั้น แล้วจะทำยังไงให้เจ้า Evergreen Content ของเราออกมามีผลตอบรับในทางที่ดีกันนะ
- Topic Research
ต้องทำการค้นคว้าหาท็อปปิกว่ามีอะไรที่น่าสนใจ หรือคิดว่าจะเป็นสิ่งที่เป็นพื้นฐานความสนใจของกลุ่มเป้าหมายของเราเอง เพื่อที่จะได้เข้าถึงคนอ่านได้ง่ายขึ้น
- Keyword Research
การค้นคว้าคีย์เวิร์ด คอยเช็กว่าส่วนใหญ่คนมักจะค้นหาคำว่าอะไรมาก หรือมักจะค้นหาคำนี้อยู่บ่อยๆ ก็จะทำให้สามารถนำคีย์เวิร์ดเหล่านั้นมาประยุกต์ใส่ในคอนเทนต์เพื่อเพิ่มให้คำค้นหาติด SEO ได้อีกด้วย
- ดูสิ่งที่เป็นเทรนด์ที่เหนือกาลเวลา
พยายามหาสิ่งที่ไม่ได้เป็นแค่เทรนด์สั้นๆ แต่ควรหาสิ่งที่แม้เวลาผ่านไปแต่ก็ยังไม่เก่า หรือสามารถอ่านซ้ำได้เรื่อยๆ
- หลีกเลี่ยงการระบุวันที่ลงในคอนเทนต์
การระบุวันที่ไม่ว่าจะเป็น วัน เดือน หรือปี จะสามารถทำให้คอนเทนต์ดูเก่าเร็ว ถึงแม้ว่าจะเป็นคอนเทนต์ประเภท Evergreen ก็ตาม ทางที่ดีให้หลีกเลี่ยงการระบุวันที่ในทั้งหัวช้อและเนื้อหาจะดีที่สุด
- คำนึงถึงคุณภาพ
สิ่งที่สำคัญที่สุดในการทำ Evergreen Content คือการทำคอนเทนต์ให้มีคุณภาพ เนื่องจากเป็นคอนเทนต์ที่ต้องเปิดอ่านได้เสมอ การเขียนเนื้อหาให้ออกมาครอบคลุม และค่อนข้างเฉพาะเจาะจงเหมือนผู้เชี่ยวชาญในด้านนั้นๆ ไปเลย จึงจะทำให้คอนเทนต์ดูสดใหม่ และสามารถใช้งานได้จริงเสมอ
- มีความเป็นเอกลักษณ์
หากทำคอนเทนต์ให้ออกมาโดดเด่นกว่าคนอื่น ก็จะทำให้คอนเทนต์เป็นที่จดจำมากขึ้น เมื่อคนค้นหาผ่านคีย์เวิร์ดและเจอคอนเทนต์ของเรา ก็จะทำให้คนรู้สึกสะดุดตาและจดจำได้มากกว่า
- มีความเป็นผู้รู้ หรือเจาะลึกในด้านนั้นๆ
อย่างที่บอกว่าเนื้อหาควรมีความครอบคลุม และหากมีรายละเอียดที่ครบถ้วน และสามารถเจาะลึกถึงเรื่องใดเรื่องหนึ่งได้เหมือนผู้รู้จริง ก็จะทำให้คอนเทนต์ของเราน่าเชื่อถือ และคนก็มักจะเลือกเข้ามาอ่านคอนเทนต์ของเราบ่อยๆ ทุกครั้งที่ต้องการข้อมูล
- คอย Refresh คอนเทนต์
ถึงแม้จะเป็นคอนเทนต์เหนือกาลเวลา ที่อีกสิ่งที่ควรต้องคำนึงถึงก็คือการรีเฟรชให้คอนเทนต์สดใหม่ ประยุกต์ปรับเปลี่ยนไปบ้างตามกาลเวลา หากในเนื้อหามีการระบุวันที่ไว้อาจจะต้องเข้าไปเช็กและแก้ไข หรือคอยดูลิงก์ปรับเปลี่ยนให้เข้ากับสมัยมากขึ้น เป็นต้น
ตัวอย่าง Evergreen Content ที่เป็นที่นิยม
ส่วนใหญ่คอนเทนต์ที่เป็นอมตะมักจะเป็นคอนเทนต์ที่อ่านได้เรื่อยๆ เช่น
- How to
- Fact
- List
- Tips
- ข้อมูลที่เป็น Guidelines แบบละเอียด
- รีวิว
- บทสัมภาษณ์
- คำถามที่พบบ่อย (FAQs)
- Checklists
- เครื่องมือและเครื่องคำนวณต่างๆ
- ผลการวิจัย
- กรณีศึกษา
ข้อดี-ข้อเสีย
ข้อดี
- อ่านเมื่อไหร่ก็ได้
- ได้ Organic traffic เวลาคนค้นหาผ่านคีย์เวิร์ดเข้ามา
- ช่วยในเรื่อง SEO คนสามารถเสิร์ชมาเจอได้ตลอด เนื่องจากเป็นเรื่องที่มีคนค้นหาตลอดเวลา จึงสามารถทำให้มีคนเข้าเว็บไซต์เรื่อยๆ
- ไม่จำเป็นต้องอิงกระแสเรียลไทม์
- ประหยัดเวลาในการทำคอนเทนต์
- นำมาแชร์ซ้ำได้
ข้อเสีย
- ต้องใช้เวลาทำค่อนข้างนาน เนื่องจากต้องรีเสิร์ชข้อมูลเยอะ เพื่อให้เนื้อหามีความครอบคลุม และเป็นคอนเทนต์ที่ไม่ตาย
- ไม่ได้อยู่ในกระแส เลยอาจจะทำให้คนไม่ได้สนใจเยอะมาก แต่ก็จะมีมาอยู่เรื่อยๆ
- ต้องค้นข้อมูลเยอะ