ยุคที่ครีเอเตอร์ แบรนด์ และเอเจนซีต่างก็ต้องแบ่งงบประมาณไว้เพื่อยิงโฆษณาในโลกโซเชียลมีเดีย เพื่อเพิ่มการมองเห็น และเพิ่มยอดเอ็นเกจเมนต์จากกลุ่มเป้าหมายที่สนใจมากขึ้น โดยเฉพาะบนแพลตฟอร์มอย่าง Fcebook ซึ่ง “Facebook Ads Benchmark” จะมียอดวัด และเปรียบเทียบยังไงให้รู้ว่ามีประสิทธิภาพ วันนี้ RAiNMaker มีรีพอร์ตดี ๆ จาก LocaliQ มาแชร์กัน
ปัจจุบัน Facebook มี Active User มากถึง 2 พันล้านแอ็กเคานต์ และมีแนวโน้มที่จำนวนผู้ใช้งานจะเพิ่มขึ้นทุกวันท่ามกลางแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียที่มีอยู่ นี่จึงเป็นส่วนที่ทำให้ Facebook Ads ยังคงเป็นอีกโซลูชัน และเครื่องมือสำคัญที่นิยมใช้มากในทุกธุรกิจ และอุตสาหกรรม
เพราะ Facebook Ads เป็นตัวช่วยที่เหมาะจะสร้างการรับรู้ของแบรนด์ (Brand Awareness), สร้างการเชื่อมต่อกับกลุ่มเป้าหมาย (Connection) และดึงดูดความสนใจของกลุ่มเป้าหมายใหม่ ๆ (Get New Customer)
แต่จะมีวิธีไหนบ้างที่ทำให้รู้ว่า Facebook Ads ที่ใช้อยู่สามารถให้ผลลัพธ์ที่ดีได้จริง? RAiNMaker มีสถิติจาก LocaliQ มาแชร์กันว่าแคมเปญบน Facebook ของแต่ละอุตสาหกรรมนั้นมีทิศทางแบบไหนบ้าง โดยเป็นการรวบรวมข้อมูลของแคมเปญที่รันอยู่มากถึง 2,936 แคมเปญทั่วโลก ตั้งแต่ 1 กันยายน 2022 – 30 กันยายน 2023 เลยทีเดียว
Key Trends
- Click-through rate (CTR)
ยอดการคลิกลิงก์ของผู้ติดตามบน Facebook เพื่อเข้าถึงคอนเทนต์ บ่งบอกได้ว่ามีคนคลิปโฆษณาของเราบ่อยแค่ไหน มียอดเพิ่มขึ้นปีต่อปีถึง 9 อุตสาหกรรม จากทั้งหมด 19 อุตสาหกรรมที่ใช้ Facebook Lead Ads โดยเฉพาะกับอุตสาหกรรม Arts & Entertainment และ Education & Instruction
- Cost per click (CPC)
ยอดมองเห็นโฆษณาของแบรนด์บน Facebook ที่เป็นพื้นที่โฆษณา เพื่อหาความคุ้มค่าในการยิงโฆษณา ที่สถิติปีนี้ลดลงอย่างมากปีต่อปี โดย 9 อุตสาหกรรมลดลงเพราะ Lead objective และอีก 14 อุตสาหกรรมลดลงเพราะ Traffic objective แต่ CPC กลับเพิ่มขึ้นกว่า 91% ในอุตสาหกรรมวงการโฆษณา
- Conversion rate (CVR)
อัตราส่วนระหว่างกลุ่มเป้าหมาย และเป้าหมายของแบรนด์ หรือจะเรียกสัดส่วนการที่กลุ่มเป้าหมายตอบสนองกับโฆษณาก็ได้ โดยนำมาเทียบกับยอดคลิก ณ ขณะนั้น หรือตาม Lead ที่ตั้งไว้ เปรียบเสมือนเปอร์เซ็นต์ที่กลุ่มเป้าหมายผันตัวมาเป็นลูกค้าจากเป้าหมายที่ถูกตั้งไว้ แต่เพราะความผันผวนของเศรษฐกิจเลยทำให้ยอด CVR ลดลง เพราะผู้บริโภคต้องการซื้อของน้อยลงเช่นกัน
- Cost per lead (CPL)
จำนวนของเงิน และการลงทุนที่เสียไปเพื่อให้ได้ Lead 1 ครั้งกลับมา ซึ่งในปีนี้ CPL เพิ่มขึ้นอย่างมากโดยเฉพาะในอุตสาหกรรมที่มี Search ads และกว่า 91% ของอุตสาหกรรมก็มียอด CPL เพิ่มขึ้นในปี 2023 ด้วย เพราะมีการลงเงินมากขึ้นเพื่อให้ได้ Lead กลับมา
Facebook ads benchmarks: Traffic Campaigns
สำหรับการยิงโฆษณาบน Facebook จะมีตัวเลือก Ad objective ตั้งค่าแต่ละแคมเปญได้ เพื่อให้แบรนด์สามารถสร้างยอด Reach กับกลุ่มเป้าหมายตามที่ต้องการบน Facebook Ads
โดย Traffic objective คือการนำกลุ่มเป้าหมายไปยังหน้า Landing Page เว็บไซต์, แอป หรืออีเวนต์ และกิจกรรมที่ต้องการ โดยจะทำให้กลุ่มเป้าหมายไปเจอกับการตัดสินใจที่จะซื้อ และไม่ซื้อเพิ่มขึ้นด้วย โดยแต่ละอุตสาหกรรมในหมวด Traffic Campaigns มียอด CPC และ CTR เฉลี่ยแตกต่างกันไป
อุตสาหกรรมที่ลงทุน CPC น้อย แต่ได้ยอด CTR กลับมามาก คือ
- Arts & Entertainment: CPC = 0.44$ | CTR = 2.55%
- Real Estate: CPC = 0.65$ | CTR = 2.45%
- Restaurant & Food: CPC = 0.52$ | CTR = 2.29%
อุตสาหกรรมที่ลงทุน CPC เยอะ แต่ได้ยอด CTR กลับมาน้อย คือ
- Dentists & Dental Services: CPC = 1.27$ | CTR = 0.81%
- Finance & Insurance: CPC = 1.11$ | CTR = 0.88%
- Attorney & Legal Services: CPC = 1.15$ | CTR = 0.99%
Facebook ads benchmark: Average CTR (click-through rate)
CTR คือ ยอดที่วัดว่ากลุ่มเป้าหมายคลิกลิงก์เข้าไปดูโฆษณาบ่อยแค่ไหน ซึ่งการวัด CTR จะบ่งบอกได้ว่าโฆษณาบน Facebook มีความน่าสนใจ คุ้มค่าต่อการคลิกเข้าไปดูมากน้อยแค่ไหน และหากค่า CTR ยิ่งสูง ก็ยิ่งแสดงว่า Ad copy ของโฆษณานั้นแข็งแรงที่จะดึงดูดคนมากพอ
อุตสาหกรรมที่มีค่าเฉลี่ย CTR สูง
- Arts & Entertainment: 2.55%
- Real Estate: 2.45%
- Restaurants & Food: 2.29%
อุตสาหกรรมที่มีค่าเฉลี่ย CTR ต่ำ
- Dentists & Dental Services: 0.81%
- Attorneys & Legal Services และ Automotive – Repair, Service & Parts: 0.99%
- Finance & Insurance: 0.88%
Facebook ads benchmark: Average CPC (cost-per-click)
CPC คือ การคำนวณโดยการนำค่าใช้จ่าย และเงินที่ลงทุนทั้งหมด มาหารด้วยจำนวนคลิกทั้งหมด ซึ่งการรักษาตค่า CPC ให้ต่ำได้ ก็หมายความว่าสามารถควบคุมให้การใช้จ่ายน้อย แต่สามารถได้ยอดคลิกหรือ CTR เยอะได้ โดย Traffic objectve มักจะมาจากการการคลิกเข้าชมโฆษณา หรือเส้นทางที่ตั้งค่าสำหรับโฆษณาไว้
อุตสาหกรรมที่มีค่าเฉลี่ย CPC ต่ำ
- Travel: 0.43$
- Arts & Entertainment: 0.44$
- Restaurants & Food: 0.52$
อุตสาหกรรมที่มีค่าเฉลี่ย CPC สูง
- Dentists & Dental Services: 1.27$
- Furniture: 1.19$
- Attorneys & Legal Services: 1.15$
โดยค่า CPC เหล่านี้ยังต่ำกว่าค่าเฉลี่ยยอด CPC สำหรับ Google Ads ที่สูงถึง 4$ เพราะยังคงมีค่า Lifetime Avarage Customer สูงอยู่ จึงสมเหตุสมผลมากพอที่มีค่า CPC สูงกว่าอุตสาหกรรมร้านอาหาร หรือความบันเทิงที่ Lifetime Avarage Customer ต่ำกว่านั่นเอง
Facebook ads benchmarks: Leads Campaigns
สำหรับการโฆษณาแบบ Leads Campaign บน Facebook จะสามารถตั้งค่า และป้อนพรอมพ์ให้ตรงกับกลุ่มเป้าหมายที่ต้องการได้ โดยจะขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ของแบรนด์ว่าต้องการไดร์ฟค่าไหนมากที่สุด ทั้ง CPC, CPL, CTR และ Conversion Rate และเมื่อคราวนี้วัดยอดด้วย Leads ไม่ใช่ Traffic ค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรมต่าง ๆ ก็เปลี่ยนไปด้วย ไม่ว่าจะเป็น
อุตสาหกรรมที่ค่าเฉลี่ย CPC ต่ำ แต่ Conversion Rate สูง
- Arts & Entertainment: CPC = 0.87 | CVR = 9.77
- Real Estate: CPC = 1.22 | CVR = 9.58
- Personal Services (Weddings, Cleaners, etc.): CPC = 1.88 | CVR = 8.76
Facebook ads benchmark: Average conversion rate
เพราะ CVR เป็นตัวที่วัดเรตการไดร์ฟของ Facebook ads ได้เป็นอย่างดี โดยคำนวณจากตัวเลขของ Leads ทั้งหมด และยอดการคลิกทั้งหมด ซึ่งยิ่งค่า CVR สูง ก็แปลว่าโฆษณาของเราสามารถเปลี่ยนให้กลุ่มเป้าหมายกลายมาเป็นลูกค้าได้เยอะ
อุตสาหกรรมที่ค่าเฉลี่ย CVR สูง
- Dentists & Dental Services: 11.34%
- Industrial & Commercial: 10.13%
- Arts & Entertainment: 9.77%
อุตสาหกรรมที่ค่าเฉลี่ย CVR ต่ำ
- Travel: 3.95%
- Beauty & Personal Care: 4.61%
- Physicians & Surgeons: 4.99%
Facebook ads benchmark: Average cost per lead
CPL คือ ยอดค่าใช้จ่าย และเงินลงทุนทั้งหมดที่จ่ายเพื่อรักษา Lead ใหม่ ๆ เอาไว้ โดยจะคำนวณจากค่าใช้จ่าย และค่า Conversion ทั้งหมด โดยค่าเฉลี่ยของ CPL ของ Facebook ads lead อยู่ที่ $23.10
อุตสาหกรรมที่ค่าเฉลี่ย CPL ต่ำ
- Real Estate: $12.43
- Arts & Entertainment: $13.46
- Sports & Recreation: $15.33
อุตสาหกรรมที่ค่าเฉลี่ย CPL สูง
- Attorneys & Legal Services: $78.26
- Health & Fitness: $60.95
- Physicians & Surgeons: $60.95
How To ทำให้ Facebook ads มีประสิทธิภาพ
Drive Traffic
- เลือก Traffic Objective ที่ใช่
- มี Call to Action ที่ดี เช่น Learn more, Listen now, Order now, Shop now เป็นต้น
- ทดสอบแคมเปญด้วย A/B Test Button
- สร้างโฆษณาให้ครีเอทีฟ น่าคลิกไปดูต่อ
Drive leads
- เลือก Leads objective ที่ใช่
- หา Logic ของ Form fields ที่มีคุณภาพ เช่น Go to question, Submit form เป็นต้น
- ตั้งค่า Action ที่ชัดเจนว่าจะให้กลุ่มเป้าหมายทำอะไรต่อไป
Improve CTR
- CTR ไม่ได้เป็นการวัดที่ดีที่สุดเสมอไป ควรหาการวัดประสิทธิภาพโฆษณาที่ใช่ของตัวเอง
- ใส่ Emotional Marketing ลง Copy ads ด้วย
Lower ad costs
- กำหนดกลยุทธ์ให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย
- ขยายกลุ่มเป้าหมายเป็นคอมมูนิตี้เมื่อจำเป็น
- ตั้งเวลาโฆษณาเพื่อจำกัดค่าใช้จ่าย แทนการแสดงโฆษณาทุกวันตลอด 24 ชั่วโมง
- กำหนดวัตถุประสงค์แคมเปญทั้งหมดให้ตรง ถ้ามีประสบการณ์จาก Google Ads ก็จะช่วยได้
ที่มา: https://localiq.com/blog/facebook-advertising-benchmarks/