ตั้งแต่ Meta (Facebook และ Instagram) หันไปโฟกัสคอนเทนต์วิดีโอสั้น และอัลกอริทึมของโพสต์ Text ก็ทำให้ยอด Reach และยอด Follower ผันผวนมากขึ้นทุกวัน เพราะต่อให้คอนเทนต์ดีแค่ไหน ถ้าอัลกอริทึมไม่จับก็จบ! ทำให้สื่อ และผู้ผลิตคอนเทนต์เริ่มโวยว่า Facebook บล็อกการมองเห็นข่าวจนลดการมองเห็นไปด้วย
เมื่อ Facebook เปรียบเสมือนบ้านหลังใหญ่ของคอนเทนต์ และสื่อที่ลงข่าวต่าง ๆ ทั่วโลก แต่พอมีการปรับอัลกอริทึมก็ทำให้เห็นข่าวหน้าฟีดน้อยลง และหลายสื่อก็เริ่มที่จะอยู่ยากมากขึ้นในบ้านหลังนี้
อย่าง Vice อดีตสื่อที่เคยรุ่งเรืองมาก่อนยังต้องยอมแพ้ และล้มละลายไป ซึ่งสื่อ และมีเดียต่าง ๆ เองก็เลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องใช้แพลตฟอร์มขนาดใหญ่อย่าง Facebook เป็นพื้นที่ในการกระจายข้อมูลข่าวสารเป็นหลัก แม้จะต้องแลกกับการดิ้นรนเพื่อยอด Reach และเอ็นเกจเมนต์ยากขึ้นทุกวันก็ตาม
ซึ่งเห็นได้ชัดในช่วงครึ่งปีแรก ที่ Facebook เริ่มกีดกันคอนเทนต์ที่เป็นข้อมูลข่าวสาร และส่งผลต่อความเครียดของผู้คนในชีวิตประจำวัน ทำให้โพสต์ที่เป็นข่าวลเริ่มลดลง แม้กระทั่งข่าวที่เป็นวิดีโอก็ตาม แต่กลับมีโพสต์จากกลุ่ม หรือโฆษณา และความบันเทิงมากขึ้น
ปัจจัยหลักอาจเกิดจากการที่ Facebook ไม่อยากจ่ายเงินให้กับผู้ผลิตคอนเทนต์ข่าวสารตามคำสั่งของศาลในบางรัฐของอเมริกา เพราะในฐานะแพลตฟอร์มแล้ว Facebook ได้ประโยชน์ที่เอื้อพื้นที่ให้สื่อได้กระจายข่าวสาร
อย่างที่ Antoine Amann ซีอีโอของ Echobox เผยข้อมูลกับเว็บไซต์ Gizmodo ว่า หนึ่งในปัจจัยที่ทำให้ผู้ผลิตสื่อ หรือคอนเทนต์ข่าวประสบความสำเร็จยากกว่าเมื่อก่อนมาก คือการปรับเปลี่ยนอัลกอริทึมของ Facebook ที่คอนเทนต์ประเภทข่าวนั้น แทบจะไม่โผล่หน้าฟีด หรือเพจของผู้ใช้งานทั่วไปแล้ว
และแม้ Facebook จะไม่ได้บล็อกข้อมูลข่าวสารในบางประเทศ แต่การเป็นแพลตฟอร์มที่เอื้อพื้นที่ให้กับข้อมูลเหล่านี้ ก็ไม่ควรถูกจำกัดในบางประเทศเช่นกัน
ซึ่ง Meta เป็นบริษัทเอกชนที่มีสิทธิ์ปรับได้โดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า แต่การไม่ได้สื่อสารว่าจะมีการเปลี่ยนนี่แหละ ที่เป็นต้นเหตุทำให้สื่อเหล่านี้ปรับตัวไม่ทัน และเริ่มจางหายไปกับยอดการมองเห็นที่ลดฮวบ ถึงขั้นอาจทำให้บางสื่อไปไม่รอด จนต้องปิดกิจการเพิ่มในอนาคตอีกแน่นอน
อ้างอิง: GIZMODO