เฟซบุ๊กได้ประกาศขยายขีดจำกัดเครื่องมือใหม่เพื่อช่วยสร้างธุรกิจให้สามารถเชื่อมต่อโดยตรงกับกลุ่มเป้าหมาย ด้วยข้อความที่เฉพาะเจาะจงแต่ละบุคคล เพื่อยอดการเข้าถึงที่สูงขึ้น
โดยเฟซบุ๊กได้ปล่อยตัวเลือกใหม่สำหรับการทำโฆษณา ซึ่งก็คือการสร้างโฆษณา ‘Click-to-Message’ ที่จะขยายขีดจำกัดไปบนแอปแชตต่าง ๆ ของเฟซบุ๊ก ทั้ง Messenger, Instagram Direct หรือ WhatsApp ซึ่งเฟซบุ๊กจะตั้งค่าเริ่มต้นของแอปแชตในโฆษณา โดยพิจารณาจากที่ ๆ มีบทสนทนาเกิดขึ้นมากท่ีสุด
เมื่อสร้างโฆษณาแบบข้อความ ระบบของเฟซบุ๊กจะตรวจจับแพลตฟอร์มแอปแชตที่ผู้ใช้แต่ละคนใช้บ่อยที่สุด จากนั้นก็ส่งโฆษณานั้นไปยังแพลตฟอร์มนั้น เพื่อให้พวกเขาสามารถส่งข้อความตอบกลับมายังแบรนด์ได้ทันที
นอกจากนี้ยังพบว่า 75% ของผู้ใหญ่ต้องการสื่อสารกับแบรนด์ผ่านการส่งข้อความ ดังนั้นสิ่งนี้อาจช่วยเพิ่มการตอบกลับมากขึ้น และเมื่อมีการสื่อสารโต้ตอบมากขึ้นจนสามารถกระชับความสัมพันธ์กับกลุ่มเป้าหมายแล้ว ยังสามารถใช้ช่องทางนี้เป็นเครื่องมือในการสร้างการมีส่วนร่วมและการโต้ตอบ เพื่อสร้างความสัมพันธ์โดยตรงกับกลุ่มเป้าหมาย
แต่ก็ไม่ใช่ว่าทุกแบรนด์จะได้ประโยชน์จากการทำโฆษณา Click-to-Message อย่างไรก็ตามความสามารถของเฟซบุ๊กในการรวบรวมแพลตฟอร์มที่เป็นแอปแชตยังคงเป็นอีกทางเลือกที่ดี ที่แบรนด์ควรลองพิจารณาและใช้งานดู
นอกจากนี้แบรนด์ยังสามารถเพิ่มปุ่ม ‘WhatsApp’ บนหน้าโปรไฟล์ เพื่อสนับสนุนให้กลุ่มเป้าหมายที่เข้ามาเยี่ยมชมหน้าโปรไฟล์สามารถส่งข้อความผ่านแอปแชตได้โดยตรง ซึ่งจะเป็นประโยชน์กับธุรกิจที่เน้นไปที่ WhatsApp เป็นหลัก รวมถึงเฟซบุ๊กได้ตั้งข้อสังเกตว่าในไม่ช้าธุรกิจต่าง ๆ จะสร้างโฆษณาที่สามารถลิงก์ไปยัง WhatsApp โดยตรงจากอินสตาแกรม
ในแอปเฟซบุ๊กเองก็ได้ทดสอบตัวเลือกใหม่ที่ช่วยให้ธุรกิจสามารถเลือก 4-5 คำถาม เพื่อถามกลุ่มเป้าหมายก่อนที่จะเริ่มแชต รวมถึงปุ่ม ‘Get Quote’ หรือรับใบเสนอราคา จะเข้ามาช่วยปรับปรุงการตอบสนองทางธุรกิจ โดยเพิ่มเป็นบริบทเพิ่มเติมก่อนการเริ่มแชต คล้ายกับตัวเลือกการตอบกลับอัตโนมัตินั่นเอง
ในอนาคตเฟซบุ๊กกล่าวว่าอาจจะทดสอบตัวเลือกที่คล้ายกันบนอินสตาแกรมในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า เพื่อเป็นประโยชน์แก่ธุรกิจต่าง ๆ ในการเพิ่มการเข้าถึงและการตอบโต้มากยิ่งขึ้น
ที่มา: Social Media Today