Facebook Page อาจดูเป็นเรื่องง่ายที่จะเปิด และเป็นเจ้าของ ไม่ว่าจะเปิดเพื่อทำคอนเทนต์ ขายของ สร้างคอมมูนิตี้ หรือเปิดเอาฮาก็ทำได้หมด และก่อนที่จะไปถึงเรื่องของการทำเพจยังไงให้รุ่งเนี่ยบางที่เราต้องกลับมาดูพื้นฐานของการเปิดเสียก่อน โดยเฉพาะการเลือกประเภท หรือ Category ใส่ใจกันสักนิด เพราะเลือกผิดชีวิตเปลี่ยน!!!
ในตอนที่เราสร้างเพจ ในกรณีที่เปิดเพจใหม่เราจะได้เลือกแต่แรกเลยว่าเพจของเราเป็น Business or Brand หรือ Community or Public Figure อธิบายง่ายๆว่าเพจของเราเป็นเพจที่มุ่งในการขายของทำรายได้ หรือแค่อยากมีเพจไว้โพสต์ผลงาน สื่อสารกับกลุ่มคนที่สนใจเรื่องเดียวกันเฉยๆ ซึ่งส่วนใหญ่ก็จะเลือก Business or Brand กัน แต่ถ้ายังตัดสินใจไม่ได้ เราลองไปดูจาก feature การใช้งานที่ต่างกันในบางข้อของทั้ง 2 แบบ
6 ข้อแรกที่เป็นข้อมูลพื้นฐานเนี่ย Facebook มีให้อยู่แล้วไม่ว่าจะเลือกแบบไหน ส่วนที่ได้เพิ่มมาสำหรับ Business or Brand จะเป็นส่วนที่สามารถใส่ที่อยู่ และสร้าง place สำหรับ check-ins ได้ ซึ่งถ้าเราเป็นร้านค้าที่มีหน้าร้าน หรือสำนักงานถ้ามีข้อมูลส่วนนี้ก็จะช่วยให้คนที่มาติดต่อเรา ลูกค้า หาเราเจอได้ง่ายขึ้น แต่ถ้าไม่ได้มายด์ว่าต้องใส่ที่อยู่ จะเลือก Community or Public Figure ก็ได้
แต่ถ้าเราลองใส่ Category ที่เราน่าตั้งใจไว้ ในฝั่งใดฝั่งหนึ่งแล้วไม่เจอนั้นอาจจะเป็นเพราะว่า Facebook มองว่าสิ่งใดที่ทำกันเป็นทีม อย่าง Publisher เนี่ย Facebook จัดให้ไปอยู่ใน Business or Brand แต่ถ้าเราเป็น Creator ที่ทำงานคนเดียว อย่างนักวาด หรือ Vlogger ก็อาจจะไปอยู่ใน Community or Public Figure สุดท้ายแล้วก็ขึ้นอยู่กับเจตนาของเรามากกว่าแหละว่าเราอยากให้เพจของเราอยู่ในประเภทใด
สำหรับคนที่เปิดเพจมานานแล้วบ้าง policy พวกนี้ Facebook เปลี่ยนใหม่เกือบทุกปี แต่เราก็สามารถเข้าไปเพิ่มหรือ Edit ได้ โดยง่ายๆเข้าไปหน้า About ของเรานี่แหละแล้วดูตรง Category
ซึ่ง Category เราสามารถเลือกได้หลายหมวดเลยที่คิดว่าเราเกี่ยวข้อง เช่น RAiNMaker เป็น Publisher ที่ทำคอนเทนต์ News & Media Website และยังเป็น Local Business ก็คือเราเป็นสื่อท้องถิ่นนั้นด้วย การใส่ให้ครอบคลุมก็จะช่วยให้ Facebook จัดเพจของเราไปอยู่ตามหมวดต่างๆ ทำให้เวลาที่มีการแนะนำ Suggestion Page เพจของเราก็จะถูกแนะนำต่อจากเพจที่อยู่ในหมวดเดียวกัน เพิ่มโอกาสที่คนจะมาไลค์เพจเราเพิ่มขึ้น ดีใช่มั้ยล่ะ
นอกจากประโยชน์เรื่องการจำแนกเพจของเราให้ไปอยู่ในสิ่งที่คนสนใจแล้ว ประโยชน์อีกหนึ่งข้อก็คือการค้นหาเพจ หลายๆคนคงรู้ว่าการ search ของ Facebook ค่อนข้างซับซ้อน มันจะดีกว่ามากถ้าเราใส่ข้อมูลใน about ให้เยอะที่สุด การเลือกประเภทก็เช่นกัน เวลาที่คนใช้ Facebook แล้ว search หาอะไรสักอย่าง Facebook จะมี Filler ให้เลือกหาตามหมวดแยกย่อยลงไปอีก ยิ่งเราเลือกหมวดให้ครอบคลุม ผลการค้นหาก็จะมาเจอเราได้บ่อยขึ้น
ในยุคที่อัลกอลิทึ่มเหลืออยู่น้อยนิด ถ้าพอจะมีทิปส์อะไรที่ทำได้ไม่ยากคนทำเพจก็พอจะทำอยู่แล้วใช่มั้ยล่ะ ต่อไปไว้เราจะมาเขียนถึงเรื่องการตกแต่งเพจตาม Theme ที่เดี๋ยวนี้ Facebook มีให้เลือกเยอะขึ้น ซึ่งแอบบอกก่อนเลยว่ามีลูกเล่นใหม่ๆที่จะช่วยเพิ่ม Engagement ของเพจได้มาก ติดตามกันไว้ให้ดีๆเลย หรือถ้าอยากพูดคุยตามภาษาคนทำเพจ ไปเจอกันได้ที่กรุ๊ป Thai Content Creator
เรียบเรียงโดย ทีมงาน RAiNMaker