จากผลกระทบของการอัปเดตการติดตามข้อมูลของ Apple หรือที่ได้ยินกันบ่อยในชื่อ ATT (App Tracking Transparency) คือ นโยบายที่ให้นักพัฒนาแอปต้องขออนุญาตในการใช้ข้อมูลจากแอป เพื่อจุดประสงค์ด้านการโฆษณา
ทำให้เหล่าแบรนด์และนักการตลาดได้รับผลกระทบไม่น้อยกับการเก็บข้อมูลผู้ใช้ เพื่อการทำโฆษณาบนเฟซบุ๊ก จนอาจมีแนวโน้มต้องจ่ายเงินมากขึ้นเพื่อให้ธุรกิจบรรลุผล แถมการวัดผลแคมเปญก็ยากขึ้นไปอีก
นอกจากนี้ยังพบว่ามีการรายงานข้อมูลต่ำกว่าความเป็นจริง คือ ตอนนี้เฟซบุ๊กติดตามรายงาน Conversion จากผู้ใช้งาน iOS ต่ำกว่าความเป็นจริงประมาณ 15% ซึ่งเฟซบุ๊กเชื่อว่าใรความเป็นจริงแล้ว Conversion และโอกาสในการขายสูงกว่าข้อมูลที่รายงาน สิ่งนี้จึงส่งผลกระทบเต็ม ๆ สำหรับคนที่ต้องลงโฆษณา เพราะเมื่อขาดข้อมูล Conversion ก็จะส่งผลต่อการวางกลยุทธ์ทางการตลาดไปด้วย
ด้านเฟซบุ๊กจึงก็ได้ออกมาให้คำแนะนำกับผู้ใช้งาน เพื่อชี้แนวทางเพิ่มประสิทธิภาพในการโฆษณามากขึ้น ในขณะที่ยังอยู่ภายใต้กรอบความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้อยู่ ดังนี้
อย่าด่วนวิเคราะห์ผล
ให้เวลากับข้อมูลที่อาจล่าช้าอย่างน้อยประมาณ 72 ชั่วโมงในการวัด Conversion ของแคมเปญ ก่อนประเมินผลสำหรับ Conversion-optimized ในขณะเดียวกันการประเมินแคมเปญรายวันยังคงทำได้ แต่การรอให้ระบบตอบสนองจะช่วยให้ได้เห็นผลลัพธ์ที่แม่นยำมากที่สุด
วิเคราะห์ผลระดับแคมเปญ
หากเป็นไปได้ให้วิเคราะห์รายงานที่ระดับแคมเปญ แม้ว่า Ad Set และ Ad Level จะสามารถประเมินได้ แต่ค่าประมาณของ Conversion บางส่วนจะถูกรวบรวมและรายงานค่อนข้างล่าช้า จึงควรรอวิเคราะห์พฤติกรรมและการตอบสนองของผู้ใช้งานในแต่ละแคมเปญ
ใช้ Conversions API
Conversions API จะช่วยสร้างการเชื่อมต่อระหว่างเฟซบุ๊กกับข้อมูลทางการตลาดที่เกิดขึ้นบนเว็บไซต์ นอกจากนี้ยังจะช่วยให้แคมเปญโฆษณาของคุณออกมาเหมาะสมที่สุด ลดต้นทุน แถมวัดผลของแคมเปญได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำมากขึ้น ขณะที่ยังคงให้ความเป็นส่วนตัวอยู่
กำหนด Web Event โดยใช้การวัดผลรวม
หมายถึงการเลือก Web Event เช่น การใช้จ่าย หรือการลงทะเบียนบนเว็บไซต์ที่สอดคล้องกับผลลัพธ์ทางธุรกิจของคุณมากที่สุด เพราะหากทำโฆษณาที่ไม่ได้รับการจัดลำดับความสำคัญใน Events Manager คุณอาจจะไม่ได้รับผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพเท่าที่ควร
ปฏิบัติตามแนวทางเพื่อช่วยให้ระบบเรียนรู้การส่งโฆษณา
ติดตามแนวทางปฏิบัติในขั้นตอนการเรียนรู้ หรือ Learning Phase เพื่อให้เฟซบุ๊กวิเคราะห์พฤติกรรมของผู้ใช้งานที่ตอบสนองต่อแคมเปญโฆษณา นอกจากนี้ยังเพื่อลด CPA ลง และเพิ่ม Conversion ได้ให้ตรงกับความจริงมากที่สุดอีกด้วย
พิจารณาเครื่องมือทั้งหมดที่มี
ควรจะพิจารณาวิธีและเครื่องมือทั้งหมดที่มี ทั้งบนเฟซบุ๊กและออฟไลน์ รวมถึงตรวจสอบวิธีการวัดประเมินผลอย่างรอบคอบ เพื่อให้สามารถระบุผลการรายงานที่อาจต่ำกว่าความเป็นจริง
หมั่นทดสอบและเรียนรู้ต่อไป
ด้วยการทดสอบ Bidding, Format และ Audience Strategy จะช่วยให้สามารถระบุสิ่งที่ใช้ได้ผลในปัจจุบัน และพัฒนาปรับปรุงต่อไปได้ เพื่อการทดสอบกลยุทธ์การตลาดใหม่ ๆ ในอนาคตให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีขึ้น โดยเฟซบุ๊กกล่าวว่าจะแชร์ Case Study และข้อพิจารณาต่าง ๆ เพื่อช่วยให้แบรนด์และนักการตลาดสามารถขับเคลื่อนธุรกิจต่อไปได้
ที่มา : Facebook for Business