เมื่อ Video กลายเป็นส่วนสำคัญของ Facebook ตั้งแต่ปี 2007 จนกระทั่งมี Short-video และ Reels เติบโตขึ้นมา ก็ทำให้ Facebook ต้องหาทางสร้างแหล่งรวมคอนเทนต์วิดีโอหลายประเภทนี้ให้อยู่รวมกันมากที่สุด เพื่อแสดงให้เห็นถึงคอมมูนิตี้ของวิดีโออย่างแท้จริง
ซึ่งเริ่มจากการเปลี่ยนชื่อจาก Facebook Watch เป็น “Facebook Video” และมีเครื่องมือพร้อมสนับสนุนให้ผู้คนสามารถสร้างวิดีโอ ค้นหาวิดีโอที่สนใจ และมีส่วนรวมกับยอดเอ็นเกจเมนต์ได้ง่ายขึ้น
โดย Facebook ได้ยกเครื่องมือการตัดต่อวิดีโอจาก Reels มาไว้ที่ฟีดนี้ด้วย ไม่ว่าจะสร้างเป็นคลิป Reels หรือวิดีโอแบบ Long-form ก็ทำได้ ด้วยเครื่องมือเหล่านี้
- Audio, Music และ Text: รวมเครื่องมือด้านเสียง เพลง และข้อความในที่เดียวบน Reels เพื่อทำให้จัดเป็นเลเยอร์ในการตัดต่อง่ายขึ้น ซึ่งมีให้ใช้บน Meta Business Suite สำหรับ Reels และวิดีโอหน้าฟีด
- Speeding up, Reversing และ Replace: ด้วยเมนูเร่งความเร็ว เล่นคลิปแบบย้อนกลับ และแทนที่ด้วยวิดีโอตามที่ต้องการ จะช่วยเพิ่มลูกเล่นให้วิดีโอมากขึ้น
- Enhanced audio: สามารถมิกซ์ซาวด์ และเพิ่มเพลง หรือการอัดเสียงเพื่อ Voiceover ได้ ไปจนถึงการลบ Noise ของเสียงในคลิปด้วย
นอกจากนี้ยังสามารถอัปโหลดวิดีโอแบบ HDR จากสมาร์ตโฟนไปสู่ Reels ได้เช่นกัน ทำให้ Facebook กลายเป็น One-stop ของวิดีโอกันเลยทีเดียว
ซึ่ง Facebook Video จะรวมถึงคอนเทนต์วิดีโอที่เป็น Live Content ด้วย โดยผู้ใช้สามารถไถเลื่อนฟีดแนวตั้งจาก Personalized Feed ของ Facebook ได้เลย เพราะจะมีวิดีโอแนะนำขึ้นมาเรื่อย ๆ
แต่หากอยากจะเสพวิดีโอสั้น ก็สามารถปัดซ้ายเพื่อเปลี่ยนเซสชันมาสู่หน้า Reels ได้ทันที ส่วนโซนค้นหาวิดีโอ (Dicover Popular Videos) ก็จะมีแฮชแท็กกำกับเป็นชื่อ Topic วิดีโอรวมไว้ให้เลย
ทำให้ค้นหาได้ทั้งชื่อคลิป ประเภทคลิปที่สนใจ หรือค้นหาแบบแฮชแท็กก็ทำได้ โดย Facebook จะมีเครื่องมือ Machine Learning คอยเลือกคอนเทนต์ของวิดีโอที่ตรงกับความสนใจของเราให้ตลอด
แต่ใครที่อยากเพิ่มเอ็นเกจเมนต์ทั้ง Reels บน Facebook และ instagram คุณได้สิทธิ์นั้นเดี๋ยวนี้! เพราะวิดีโอที่โพสต์ลงนอกจากจะเชื่อมกันได้แล้ว การตอบคอมเมนต์ และชื่อแอคเคาท์ของเราก็เชื่อมให้แสดงผลได้ทั้ง 2 ที่เลย
โดยสรุปแล้ว Facebook Video จะเป็นมากกว่าการรวมวิดีโอตามระบบอัลกอริทึมของ Facebook แต่เป็นการผสานวิดีโอหลายประเภทมาไว้ที่เดียวกัน และเชื่อมแอคเคาท์ระหว่าง Facebook และ Instagram ให้เป็นหนึ่งเดียวมากขึ้นนั่นเอง
อ้างอิง: Meta