ตั้งแต่ TikTok เริ่มมีอิทธิพลมากขึ้นทั้งในชีวิตประจำวันของผู้คน และโลกของโซเชียลมีเดีย ทำให้หลายแพลตฟอร์มตื่นตัว และปรับฟีเจอร์ พร้อมฟังก์ชันมากมายให้ตอบดจทย์พฤติกรรมของผู้ใช้มากที่สุด เช่นเดียวกับ Google ที่รีบปรับตัวก่อนจะเสียอันดับการเป็น Search Engine ด้วย
จากผลสำรวจพบว่าคนยุคใหม่ โดยเฉพาะกับคนยุค Gen Z มีพฤติกรรมการเสิร์ชสิ่งที่สนใจเปลี่ยนไป ไม่ว่าจะเป็นสถานที่ท่องเที่ยว, แผนที่ และร้านอาหาร ต่างก็เริ่มใช้ Instagram และ TikTok เป็นแหล่งค้นหาแทนบ้างแล้ว
เนื่องจากมันมีภาพ และคลิปที่สามารถทำให้เห็นภาพได้เลย โดยไม่ต้องเสิร์ชรายละเอียดให้ซับซ้อน หรือมีเพียงแค่ข้อความแบบที่เสิร์ชใน Google ที่เป็นแหล่งรวมข้อมูลทั่วโลก อย่างที่ Prabhakar Raghavan รองประธานอาวุโสที่คอยดูแลข้อมูล และการเสิร์ชของ Google กล่าวเอาไว้
ฉะนั้นในปลายเดือนกันยายนที่ผ่านมา Google เลยปรับการเสิร์ชใหม่ทั้งหมด เพื่อต้องการที่จะเพิ่มกลุ่มคนรุ่นใหม่ให้หันมาเสิร์ชกับ Google เหมือนเดิม โดยการเพิ่มฟีเจอร์แสดงรูปภาพ และวิดีโอเพิ่มมากขึ้นในการค้นหา
และทำให้หน้าตาการเสิร์ชเริ่มมีความคล้ายกับ TikTok มากขึ้นด้วย พร้อมทั้ง “Immersive View” บนหน้าแรกของการเสิร์ชที่ทำให้ผู้เสิร์ช ได้เห็นสภาพแวดล้อม หรือทัศนียภาพรอบ ๆ นั้นมากขึ้นด้วย ซึ่งจะเป็นแบบ 3D ที่ถ่ายจากโดรน และจะทยอยเปิดในเมืองใหญ่ ๆ ก่อน เช่น ลอนดอน, นิวยอร์ก และโตเกียว เป็นต้น
นอกจากนี้ยังมีอีกฟังก์ชันหนึ่งที่คนรุ่นใหม่น่าจะชอบกัน คือการขึ้นสิ่งยอดฮิตตามแผนที่บน Google Maps และท็อปฮิตของการเสิร์ชบน Twitter
- Top Stories: ดูสอตรี่ยอดฮิตของสถานที่นั้น ๆ ได้
- Things to do: กิจกรรมที่ขึ้นชื่อ หรือยอดฮิตในสถานที่นั้น ๆ
- Neighbourhood Vibe: เพื่อแสดงร้าน หรือเทรนด์ในพื้นที่ใกล้เคียง
- Twitter: ขึ้นหัวข้อการเสิร์ช หรือที่กำลังเป็นเทรนด์บน Twitter บนหน้าเสิร์ช
เรียกได้ว่าตอนนี้เป็นศึกเดือดระหว่างโซเชียลมีเดียมาก ๆ เพราะแต่ละแพลตฟอร์มต่างปรับตัวกันไปตาม TikTok เพื่อรับมือให้ทันกับพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปของผู้บริโภค
แต่ในอนาคตการปรับตัวของ Google จะยังคงเป็นท็อป Search Engine อยู่หรือไม่ หรือว่ามีใครแย่งตำแหน่งนี้ไป คงต้องรอดติดตามกันต่อไป
ที่มา: TechCrunch