อย่างที่ทุกคนพอรู้กันดีว่าช่วงหลังมานี้ Facebook ผลักดันเรื่อง Facebook Group มากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ไม่ว่าจะการเพิ่มเครื่องมือและฟีเจอร์การจัดการกลุ่ม หรือเพิ่มการเข้าถึงโพสต์จากกลุ่ม เป็นต้น
เพราะฉะนั้นการสร้างคอมมูนิตี้ให้เหนียวแน่นจึงเป็นสิ่งสำคัญในปัจจุบัน วันนี้ RAiNMaker เลยชวนทุกคนมาเช็กลิสต์สร้างคอมมูนิตี้ที่เหนียวแน่นให้กับ Facebook Group กัน!
ตั้งกฎและสร้างวัฒนธรรมประจำกลุ่ม
ความเป็นเอกลักษณ์ของกลุ่มต้องชัดตั้งแต่ชื่อกลุ่ม Mood & Tone ของกลุ่ม ไปจนถึงสิ่งที่สำคัญอย่างกฎของกลุ่ม เพื่อที่จะเป็นตัวกำหนดสมาชิก คอนเทนต์ และทิศทางของกลุ่มได้ตรงตามเป้าหมาย
อย่างชื่อกลุ่มที่นับเป็นส่ิงสำคัญในการเชิญชวนให้คนกดเข้ากลุ่มมา เพราะฉะนั้นควรจะตั้งชื่อให้เกี่ยวข้องกับสิ่งที่กลุ่มต้องการจะสื่อสาร รวมถึงควรเป็นชื่อที่แตกต่าง และจดจำได้ง่าย
จากนั้นก็กำหนดกฎของกลุ่มให้ชัดเจนว่าอะไรทำได้ อะไรทำไม่ได้ เพื่อให้ทุกคนเข้าใจกฎข้อกำหนดในการอยู่ร่วมกัน และป้องกันไม่ให้เกิดการทำผิดกฎในภายหลังนั่นเอง
นอกจากนี้ยังควรสร้างวัฒนธรรมประจำกลุ่ม หรือเรียกง่าย ๆ ก็คือการสร้างเอกลักษณ์ประจำกลุ่มให้มีจุดยืนที่ชัดเจนนั่นเอง เพื่อให้สามารถกำหนดลักษณะของสมาชิก และทิศทางของคอนเทนต์ได้
อย่าสมาชิกในกลุ่มคนใดคนนึงต้องเกิดความรู้สึกว่าคอนเทนต์หรือบทสนทนาที่เกิดขึ้นในกลุ่มออกนอกทะเลจนเริ่มไม่แน่ใจว่าตกลงนี่กลุ่มอะไรกันแน่
แบ่งหน้าที่จัดการกลุ่มเป็นระบบ
แน่นอนว่าเมื่อกลุ่มขยายใหญ่ขึ้น การจัดการทุกอย่างเพียงคนเดียวก็เริ่มเป็นเรื่องยาก เพราะฉะนั้นการทำงานแบบมีทีมเวิร์กที่ดีจึงเป็นสิ่งจำเป็นอย่างมากสำหรับการดูแลกลุ่มที่มีสมาชิกจำนวนมาก
ก่อนอื่นควรแบ่งหน้าที่การดูแลให้ชัดเจน ทั้งเรื่องของหน้าที่ และตารางเวลา รวมถึงควรศึกษาเครื่องมือและฟีเจอร์เกี่ยวกับการจัดการกลุ่มที่ Facebook จัดมาให้ เพื่ออำนวยความสะดวกและประหยัดเวลา ประหยัดกำลังคนมากขึ้น
การจัดหน้าที่การดูแลกลุ่มอย่างเป็นระบบจะช่วยกันไม่ให้เกิดข้อผิดพลาด หรือหากมีข้อผิดพลาดก็จะสามารถอุดรอยรั่วได้ทันเวลา รวมถึงยังช่วยลดภาระให้กับการทำงานอีกด้วย
หมั่นสร้างการมีส่วนร่วม
สนับสนุนและสร้างบทสนทนาที่ดี หมั่นโพสต์และตอบคอมเมนต์อย่างสม่ำเสมอ รวมถึงหากิจกรรมมาให้ทุกคนมีส่วนร่วมไม่ว่าจะเป็นการไลฟ์ สร้างโพล จัดแคมเปญแข่งขัน หรือแจกของ
ซึ่งการสร้างการมีส่วนร่วมที่ดีไม่ใช่การโพสต์แต่ Branded Content หรือโพสต์เพื่อขายของเท่านั้น แต่คววรเป็นคอนเทนต์สร้างสรรค์อื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับบริบทรายรอบของกลุ่ม เพื่อให้ทุกคนสามารถมีส่วนร่วมได้
แชร์สิ่งที่เกี่ยวข้องและมีคุณค่า
นึกภาพว่าถ้าคุณเข้าไปในกลุ่มนึง เพื่อหวังจะได้อะไรกลับมาสักอย่าง แต่หากสิ่งที่ได้มันกลับไม่ตอบโจทย์สิ่งที่คุณต้องการดั่งชื่อกลุ่มที่แปะไว้ก็คงไร้ประโยชน์ใช่ไหมล่ะ
เพราะฉะนั้นนอกจากจะควรโพสต์คอนเทนต์อย่างสม่ำเสมอแล้ว ส่วนของเนื้อหาก็เป็นสิ่งสำคัญที่ต้องคำนึงถึง พยายามสร้างสรรค์คอนเทนต์ต่อยอดจากสิ่งที่เกี่ยวข้อง เพื่อเพิ่มประสบการณ์ใหม่ ๆ และการมีส่วนร่วมให้กับสมาชิก
ยิ่งคอนเทนต์มีคุณค่าเท่าไหร่ก็ยิ่งทำให้สมาชิกรู้สึกอยากติดตาม และภักดีต่อกลุ่มมากขึ้นไปอีก เนื่องจากคอนเทนต์ที่มีคุณค่าจะสร้างคุณค่าด้วยตัวของมันเอง และดึงดูดให้คนมาเสพมากขึ้น
สนับสนุนคอนเทนต์ UGC
กลุ่มเป็นโอกาสที่ดีในการสร้างคอมมูนิตี้ให้เหนียวแน่น เนื่องจากสมาชิกทุกคนเป็นคนที่มีความสนใจในสิ่งเดียวกัน แถมในกลุ่มอาจยังเป็นพื้นที่ให้หลายคนกล้าแสดงความคิดเห็นหรือผลงานมากขึ้นอีกด้วย
จะเห็นได้ว่าในหลายกลุ่มจะมีสมาชิกที่คอยสร้างสรรค์คอนเทนต์มาแบ่งปันกันอยู่เสมอ เพราะฉะนั้นแบรนด์สามารถใช้โอกาสนี้ในการสร้างความสัมพันธ์ที่ดี โดยการสนับสนุน User Generated Content เพื่อให้สมาชิกได้เป็นส่วนนึงของแบรนด์จริง ๆ
สิ่งนี้นอกจากนับเป็นการช่วยกระตุ้นให้เกิดการมีส่วนร่วมมากขึ้นแล้ว ยังถือว่าได้ประโยชน์กันเต็ม ๆ ทั้ง 2 ฝ่าย แบรนด์เองก็ได้เข้าถึงคนมากขึ้นโดยที่ไม่ต้องลงทุนอะไรมาก คนผลิตคอนเทนต์ก็ได้รู้สึกเป็นส่วนหนึ่งของแบรนด์ และได้ฐานแฟนเพิ่มขึ้นเช่นกัน
หมั่นเช็กฟีดแบ็กสมาชิก
เป็นสิ่งสำคัญที่ต้องหมั่นเช็กฟีดแบ็กจากสมากชิกในกลุ่ม เนื่องจากการที่คอมมูนิตี้เติบโตได้ส่วนหลัก ๆ ก็เป็นเพราะสมากชิกนั่นเอง เพราะฉะนั้นเมื่อมีฟีดแบ็กต่าง ๆ จากสมาชิก ควรเก็บมาพิจารณาเพื่อปรับปรุงแก้ไขให้เป็นไปในทางที่ดีขึ้นทันที
อย่ารอจนให้มีสมาชิกหลายคนบ่นถึงปัญหาเดิมซ้ำ ๆ จนทำให้พวกเขาต้องเดินออกจากกลุ่มไปเอง เพราะแบบนั้นจะทำให้ความเหนียวแน่นของคอมมูนิตี้สั่นคลอนเลยทันที
เปลี่ยนสมาชิกเป็นลูกค้า
ให้ข้อเสนอพิเศษเฉพาะสำหรับสมาชิกในกลุ่ม เพื่อเปลี่ยนสมาชิกให้เป็นลูกค้า เพิ่มความเหนียวแน่นมากขึ้นไปอีก เมื่อสมาชิกเริ่มรู้สึกว่าแบรนด์ผลิตคอนเทนต์ที่มีคุณค่ามากกว่าการเน้นขายของ ก็จะยิ่งทำให้รู้สึกอยากติดตามมากขึ้น ไปจนถึงผันตัวไปเป็นลูกค้าได้เลย
ทรีตสมาชิกให้เป็นมากกว่าสมาชิก
ทำให้สมาชิกรู้สึกพิเศษ ไม่ว่าจะเป็นการโพสต์คอนเทนต์ หรือสร้างกิจกรรมเอ็กซ์คลูซีฟที่มีเฉพาะในกลุ่มเท่านั้น เพื่อให้สมาชิกรู้สึกถึงความพิเศษ และรู้สึกได้เป็นส่วนหนึ่งของคอมมูนิตี้อย่างแท้จริง
รวมถึงทำบรรยากาศของกลุ่มให้เป็นคอมมูนิตี้ที่ให้เหล่าสมากชิกเข้ามาเมื่อไหร่ก็รู้สึกเหมือนเป็น Safe Zone ที่กล้าที่จะสร้างบทสนทนา และมีส่วนร่วมกับคนอื่น ๆ
จับมือคอลแลบกับกลุ่มอื่น
อีกหนึ่งวิธีที่ดีในการสร้างคอมมูนิตี้ให้เหนียวแน่นคือการพาร์ตเนอร์ หรือคอลแลบกับกลุ่มอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อทำกิจกรรมที่สร้างสรรค์และแปลกใหม่มากขึ้น นอกจากนี้การคอลแลบยังช่วยขยายขอบเขตกลุ่มเป้าหมายได้กว้างขึ้นอีกด้วย
ซึ่งการคอลแลบไม่จำเป็นที่จะต้องเป็นกลุ่มเท่านั้น อาจจะเป็นตัวบุคคลอย่างครีเอเตอร์ หรืออินฟลูเอนเซอร์ที่ช่วยกันสร้างสรรค์กิจกรรมที่น่าสนใจและมีคุณค่าต่อกลุ่มเป้าหมายทั้ง 2 ฝ่ายก็ได้เช่นกัน
โปรโมตผ่านช่องทางอื่น
ถึงจำทำทุกข้อที่กล่าวมาข้างต้นได้ดีแล้ว แต่ก็ไม่ควรลืมที่จะโปรโมตกลุ่ม เพื่อเพิ่มโอกาสการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายใหม่ ๆ ด้วย ไม่ว่าจะเป็นการสร้างเพจ ให้เหล่าอินฟลูเอนเซอร์ เพจอื่น ๆ ช่วยโปรโมต หรือโปรโมตผ่านช่องทางโซเชียลมีเดียอื่น ๆ ของตัวเองเพื่อเชิญชวนให้คนมาเข้าร่วมกลุ่มมากขึ้นก็เป็นทางเลือกที่ดีไม่แพ้กัน
นอกจากนี้ยังสามารถใส่ความคิดสร้างสรรค์ในการโปรโมตได้อย่างเต็มที่ ไม่จำเป็นต้องยึดภาพจำการโปรโมตแบบเดิม ๆ ก็ได้ ขอแค่เพียงทำยังไงก็ได้ให้คนสนใจที่จะเข้าร่วมกลุ่ม ที่สำคัญอย่าลืมทิ้ง Call-to-action เพื่อลิงก์มายังกลุ่มล่ะ!
และนี่ก็เป็นเช็กลิสต์สำหรับการสร้างคอมมูนิตี้ให้เหนียวแน่น ที่รับรองว่าหากทำครบแล้ว Facebook Group จะต้องเป็นคอมมูนิตี้ที่น่าอยู่ เต็มไปด้วยบทสนทนา การมีส่วนร่วม และเหล่าคอนเทนต์ที่มีคุณค่าแน่นอน! ยังไงก็อย่าลืมลองเอาไปปรับใช้กันดูนะคะ