TikTok เริ่มเป็นอีกหนึ่งช่องทางที่หลายแบรนด์กำลังมุ่งทำการตลาด โดยเฉพาะการทำแคมเปญโฆษณา เนื่องจากเป็นแพลตฟอร์มวิดีโอสั้นที่มีผู้ใช้เพิ่มมากขึ้น และมีการเติบโตอย่างก้าวกระโดดนั่นเอง
ซึ่งหลายคนอาจจะยังไม่เคยลองสร้างแคมเปญโฆษณาบน TikTok และอาจคิดว่าขั้นตอนยุ่งยาก วันนี้เราเลยนำขั้นตอน 3 Steps ง่ายๆ ในการสร้างแคมเปญกันค่ะ รับรองอ่านจบปุ๊บเข้าสามารถเข้าไปสร้างแคมเปญได้เลย!
สมัครแอคเคานต์
อย่างแรกเริ่มกันที่สมัครแอคเคานต์ก่อน ซึ่งสามารถสมัครได้ทั้งกับอีเมลหรือเบอร์โทรศัพท์ สำหรับแบรนด์แนะนำให้ใช้ชื่อของบริษัท หรือชื่อที่ใกล้เคียงมากที่สุด เป็นชื่อ Business Name เพราะถ้าหากชื่อไม่ตรงกันอาจไม่ผ่านการตรวจสอบแอคเคานต์ได้
จากนั้นเข้าไปที่ Dashboard เพิ่อเข้าถึงข้อมูลแอคเคานต์ และใส่ข้อมูลต่างๆ เกี่ยวกับ Business Information ให้ครบถ้วน เช่น เว็บไซต์ ที่อยู่ และการยืนยัน เป็นต้น
สร้าง Ads Campaigns ง่ายๆ แค่ 3 Steps
โดยในการสร้างแคมเปญนั้นจะแบ่งออกเป็น 3 ขั้นตอนหลักๆ ได้แก่ Campaign, Ad Group และ Ad ดังนี้
1. Campaign
เริ่มที่การสร้างแคมเปญโฆษณา ก่อนอื่นต้องตั้งวัตถุประสงค์ของแคมเปญขึ้นมา ทั้งชื่อและงบ โดยมีขั้นตอน ซึ่งบัญชีนึงสามารถสร้างแคมเปญได้สูงสุดถึง 999 แคมเปญเลยทีเดียว ดังนี้
Step 1: เข้าสู่ระบบ
สามารถทำได้โดยการล็อกอินเข้าไปยัง TikTok Ads Manager > กดเลือกปุ่ม Campaign ที่อยู่ด้านบน > กดปุ่ม Create เพื่อสร้างแคมเปญ
- Awareness: มีวัตถุประสงค์คือ สร้างการรับรู้ให้แบรนด์ โดยการมุ่งเพิ่มยอดการเข้าถึง (Reach)
- Consideration: มีวัตถุประสงค์คือ ทำให้คนคิดถึงแบรนด์และต้องการค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับแบรนด์ของคุณ ซึ่งจะแบ่งออกไปได้อีก 3 ส่วนด้วยกัน ได้แก่ Traffic ที่ช่วยให้คนกดเข้าลิงก์ต่างๆ, App Install ช่วยให้คนเข้าไปยังหน้าดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน, Video View เล่นวิดีโอโฆษณาของคุณแบบเต็มจอ
- Conversion: สนับสนุนให้คนซื้อสินค้าหรือบริการของคุณ ไม่ว่าจะเป็นพฤติกรรมในการเลือกซื้อ เช่น เพิ่มสินค้าลงตะกร้า, ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน, สมัครสมาชิกเว็บไซต์ หรือซื้อสินค้า
Step 3: ตั้งชื่อแคมเปญและกำหนดงบ
การกำหนดงบจะช่วยให้คุณสามารถรันแคมเปญไปได้จนกว่าจะถึงงบที่วางไว้ ซึ่งจะช่วยให้จัดสรรงบในการทำการตลาดได้ ควบคุมการส่งโฆษณา และวัดผลของโฆษณาที่ปล่อยออกไปได้ เมื่อปล่อยแคมเปญออกไปแล้วจะไม่สามารถเปลี่ยนประเภทงบได้
ซึ่งมีทางเลือกสำหรับงบอยู่ 3 แบบ ดังนี้
-
No Limit: เป็นการใช้งบแบบไม่มีข้อจำกัดในการปล่อยแคมเปญ โดยงบจะถูกกำหนดโดยงบที่ตั้งไว้
-
Daily Budget: ในแต่ละวันจะมีการกำหนดงบในการใช้จ่ายในการโฆษณาไว้ ค่าใช้จ่ายก็จะไม่เกินที่กำหนด
-
Lifetime Budget: มีการตั้งงบรวมทั้งหมดตลอดแคมเปญ หมายความว่างบในการใช้จ่ายกับการโฆษณาทั้งหมดในแคมเปญจะไม่เกินกว่าจำนวนที่กำหนดไว้ แต่อาจจะไม่ได้มีการใช้จ่ายไปกับโฆษณาเท่ากันในทุกๆ วัน
2. Ad Group
เมื่อทำการสร้าง Campaign และเลือกวัตถุประสงค์เสร็จเรียบร้อยแล้ว ต่อมาจะเป็นการตั้งค่าในเรื่องของ Targeting และ Placement รวมถึง Budget
Step 1: Placements
คือ การระบุตำแหน่งที่โฆษณาของเราจะไปปรากฏนั่นเอง สามารถเลือกได้ว่าจะให้โฆษณาไปแสดงอยู่ตรงไหน ซึ่งจะเรียกจุดที่โฆษณาแสดงว่า Placements นั่นเอง ซึ่ง TikTok ก็แนะนำให้เลือกการแสดงโฆษณาแบบอัตโนมัติ โดยให้ระบบเป็นตัวจัดการให้ เพื่อที่จะได้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายและเพิ่มให้คนกดเข้ามาดูมากขึ้น
-
Automatic placement: เลือกการจัดวางตำแหน่งโฆษณาแบบอัตโมติโดยให้ระบบจัดการให้
-
Select placement: สามารถเลือกตำแหน่งที่จะให้โฆษณาแสดงได้ตามที่ต้องการ
- Pangle: เพิ่มตำแหน่งที่ไม่ต้องการให้โฆษณาไปปรากฏได้ ขณะนี้ใช้งานได้แค่ในประเทศญี่ปุ่นเท่านั้น
Step 2: Ads Detail
- ประเภทโปรโมชัน
- ชื่อที่แสดง
- รูปโปรไฟล์
- หมวดหมู่
- แท็ก
- ความคิดเห็นของผู้ใช้
- การดาวน์โหลดวิดีโอ
Step 3: Targeting
สามารถเลือกได้หลายตัวเลือก ทั้งสร้างหรือแยกกลุ่มเป้าหมายออกเป็น custom audience ที่เป็นกลุ่มเป้าหมายที่รู้จักหรือมีส่วนร่วมกับแบรนด์คุณอยู่แล้ว หรือ lookalike audience กลุ่มคนที่แชร์เรื่องทั่วไปกับกลุ่มเป้าหมายของคุณอยู่แล้ว
นอกจากนี้ยังเลือก Audience หรือกลุ่มเป้าหมาย สามารถเลือกระบุกลุ่มที่เราไม่ต้องการได้ด้วย ใส่ข้อมูลทางลักษณะประชากร (Demographics) เช่น ที่อยู่, เพศ, อายุ, ภาษา รวมถึงประเภทความสนใจ (Interest Category) และอุปกรณ์ (Device) อีกด้วย
Step 4: Budget & Schedule
ในส่วนนี้จำเป็นต้องเลือกเวลาและงบสำหรับการทำโฆษณา
- Budget: ไม่ว่าจะตั้งงบแบบ Daily Budget หรือ Lifetime Budget ค่าใช้จ่ายในการโฆษณาก็จะไม่เกินงบที่ตั้งไว้
- Schedule: สามารถเริ่มและหยุดการโฆษณาได้ภายในตารางเวลา และเลือกระยะเวลาในการปล่อยโฆษณาก็ได้
- Dayparting: สามารถเลือกช่วงเวลาที่จะรันโฆษณาในวันได้ โดยในแต่ละช่วงสามารถรันได้ตั้งแต่ 30 นาที ไปจนถึง 24 ชั่วโมง ถ้าเลือกทั้งวัน ระบบก็จะรันโฆษณาไปตลอดทั้งช่วงแคมเปญ หากเลือกกำหนดช่วงเวลา ก็จะรันตามตามเวลาที่กำหนด ซึ่งจะยึดเวลาตาม Time zone ที่ตั้งไว้ในบัญชี
Step 5: Bidding & Optimization
สามารถเลือกราคายอด Bidding เพิ่ม tracking ลิงก์ของ third-party เพื่อติดตามผลของโฆษณาได้ ขณะนี้ CPM bidding ยังใช้ได้แค่กับ TopBuzz, BuzzVideo และ NewsRepublic เท่านั้น
- Optimization Goal: มีด้วยกันทั้งหมด 3 แบบ ที่เลือกจาก Conversion, Click และ Reach สำหรับบางแคมเปญจะตั้งค่าโดยค่าเริ่มต้น
3. TikTok Ad
หลังจากที่สร้าง Ad Group แล้ว สามารถกดปุ่ม Next เพื่อไปยังหน้าการสร้าง Ad ได้เลย ซึ่งวิธีการก็ง่ายมาก เพียงแค่อัปโหลดภาพหรือวิดีโอ หรือจะออกแบบโฆษณาก่อนเผยแพร่ได้ง่ายๆ ไม่กี่นาทีด้วย creative tools ก็ได้ และจุดเด่นคือมี ad copy and call-to-action buttons
ซึ่ง Ad จะจำกัดสูงสุดอยู่ที่ 20 Ads ต่อ 1 Ad group เท่านั้น
Step 1: เพิ่มผลงานโฆษณา
เลือกรูปภาพหรือวิดีโอเพื่อการโฆษณา แต่ในขณะนี้ TikTok รองรับเพียงแค่โฆษณาที่เป็นวิดีโอเท่านั้น สำหรับแอป News Feed อย่าง TopBuzz, BuzzVideo และ Pangle จะรองรับโฆษณาทั้งภาพและวิดีโอ
ซึ่งสามารถเลือกอัปโหลดไฟล์ได้จากช่องทางต่างๆ ดังนี้
- อัปโหลดจากคอมพิวเตอร์
- อัปโหลดจากคลังข้อมูล
- สร้างวิดีโอ สามารถเลือกสร้างวิดีโอใหม่ หรือใช้สมาร์ตวิดีโอที่ให้ระบบประมวลผลให้
Step 1: ใส่ชื่อโฆษณา
ใส่ชื่อเพื่อแยกประเภทของโฆษณาแต่ละตัวใน Ad Group ซึ่งชื่อจะเป็นเพียง reference ที่ตั้งไว้ ไม่ได้มีส่วนอยู่ในตัวโฆษณาแต่อย่างใด
Step 2: เลือกภาพหน้าปก
การเลือกภาพปกเป็นขั้นตอนที่สำคัญมาก เพราะจะเป็นส่วนที่ทำให้ผู้คนสนใจและเลือกกดเข้ามาชมวิดีโอของเรานั่นเอง ซึ่งสามารถเลือกอัปโหลดภาพปกหรือเลือกจากส่วนหนึ่งของวิดีโอก็ได้ แต่วิดีโอจะต้องมีความยาวถึง 8 keyframes ถึงจะสามามรถเลือกมาเป็นภาพปกได้
Step 3: ใส่รายละเอียดของโฆษณา
ใส่ชื่อโฆษณา: เพื่อให้แยกโฆษณาในกลุ่มโฆษณา ซึ่งชื่อนี้ไม่ใช่ส่วนหนึ่งของโฆษณา
เพิ่มคำอธิบายและลิงก์: ข้อความจะปรากฏเหนือโฆษณา และรองรับภาษาอังกฤษตั้งแต่ 12-100 ตัวอักษร สำหรับอีโมจิ สัญลักษณ์ ‘{}’ และ ‘#’ จะไม่แสดงบนข้อความได้
เพิ่ม Call to Action: เพื่อให้ลิงก์ไปยังช่องทางอื่นๆ ได้ เช่น ปุ่ม Shop Now, Install Now และ Learn More เป็นต้น
Step 4: ส่ง
เมื่อใส่รายละเอียดของโฆษณาตามขั้นตอนๆ ที่กล่าวมาแล้ว ให้กดปุ่ม ส่ง (Summit) เพื่อสร้างโฆษณา และสามารถสร้างโฆษณาเพิ่มโดยกดปุ่ม เพิ่ม (Add)
ที่มา: TikTok Business Center