ในยุคที่แบรนด์ และเอเจนซีต่างก็หมดเงินไปกับการยิงแอดเพื่อให้กลุ่มเป้าหมายใหม่ ๆ มองเห็นไปกันเยอะ โดยเฉพาะในยุคที่อัลกอริทึมเสิร์ฟแต่คอนเทนต์วิดีโอ จนบทความมียอดเอ็นเกจเมนต์ลดลง วันนี้ทาง RAiNMaker เลยมีวิธีเพิ่มการมองเห็นแบบลดคอร์สการยิงแอดมาฝากกัน!
บางครั้งการใช้เงินยิงโฆษณาเยอะ ก็ไม่ได้การันตีถึงผลลัพธ์ที่จะคุ้มค่าต่อแบรนด์ และเอเจนซีเสมอไป เพราะบางครั้งก็ได้แค่การมองเห็น แต่ไม่ได้ใจกลุ่มเป้าหมาย หรือกระตุ้นการจดจำแบรนด์ดิงเท่าไหร่นัก
และในโลกของแบรนด์นั้นเราก็จะคุ้นเคยกับการยิงแอดบนโซเชียลมีเดียอย่าง Facebook, Instagram, YouTube หรือ TikTok ไปจนถึง Google Ads
แต่ความจริงแล้ว ยังมีอีกหลายวิธีที่จะช่วยให้แบรนด์สามารถบรรลุ KPI ทั้งการมองเห็น และขายของได้ โดยไม่ต้องลงเงินเพียงอย่างเดียว ซึ่งจะสามารถประยุกต์ใช้อย่างไรได้บ่าง ตามไปดูกันเลย!
Audience Sync
ซิงก์รายชื่อลูกค้ากับแพลตฟอร์มโฆษณา
สำหรับฟังก์ชันของการยิงโฆษณา ทางแบรนด์ หรือเอเจนซีจะต้องผ่านการการตั้งค่าเพื่อยิงโฆษณาให้ตรงกับประเภท อายุ และพื้นที่ที่กลุ่มเป้าหมายอาศัยอยู่ให้มากที่สุด
ซึ่งจะมีฟังก์ชันหนึ่งที่เรียกว่า “Audience Sync” ให้แบรนด์สามารถใส่รายชื่อกลุ่มเป้าหมายจาก Facebook และ Google เพื่อซิงก์เซ็กเมนต์ของกลุ่มเป้าหมาย ที่มาจากประวัติการช้อปปิ้ง, คอนเทนต์เรียกยอด และ ผ่านที่อยู่อีเมลในการยิงแอดได้ โดยไม่มีคุกกี้แฝง
โดยจะทำการแสดงโฆษณานั้น ๆ เป็นเวลา 5-15 นาที ให้กลุ่มเป้าหมายของเรามองเห็น ในช่วงเวลาที่สัมพันธ์กับการใช้งานโซเชียลมีเดียของแต่ละคนมากที่สุดนั่นเอง
Improve Ads Targeting
Turn Visitors to Subscribers & Buyers
เสนอโปรโมชันพิเศษกับผู้เยี่ยมชบเว็บไซต์
โดยปกติแล้วผู้คนที่สนใจแบรนด์นั้น ๆ ก็จะเริ่มมีการคลิกที่ CTA (Call-to-Action) อย่างลิงก์ ซึ่งแลนด์ดิ้งเพจจะนำไปสู่หน้าเว็บไซต์ของแบรนด์ เพื่อเยี่ยมชมสินค้าที่สนใจเพิ่มเติม
ฉะนั้นการที่แบรดน์มีการซิงก์ Audience Sync อยู่แล้ว ก็จะสามารถตรวจจับกลุ่มเป้าหมายได้ง่ายขึ้นว่ามีผู้ติดตามแบบไหนบ้างที่สนใจในแบรนด์ของเรา
พร้อมใช้โอกาสนี้ในการนำเสนอโปรโมชันหน้าเว็บไซต์ เพื่อเป็นการโน้มน้าวให้ผู้ที่ผ่านมา หรือกลุ่มเป้าหมายใหม่ ๆ ได้รู้สึกมีความประทับใจแรกที่ดีกับเว็บไซต์ของแบรนด์จากโปรโมชันใหม่ ๆ
Exit-intent popups
สร้างป๊อบอัปส่วนลดแบรนด์
แม้การทำป๊อบอัปโปรโมชันหรือส่วนลดต่าง ๆ ของแบรนด์จะดูเหมือนกับสแปมบนโซเชียลมีเดียที่เราพบเห็นอยู่บ่อย ๆ แต่หากมันอยู่ในที่ที่ควรอยู่อย่างบนเว็บไซต์ของแบรนด์ เพื่อเป็นข้อเสนอพิเศษเพิ่มเติม ก็จะสามารถดึงดูดความสนใจกลุ่มเป้าหมายที่เยี่ยมขมเว็บไซต์ได้
นอกจากนี้บนป๊อบอัปยังสามารถใส่ให้กรอกฟอร์มสำหรับสมัครสมาชิกของแบรนด์ เพื่อรับข่าวสาร และไม่ให้พลาดโปรโมชันพิเศษแบบเอ็กซ์คลูซีฟได้ด้วยนะ
Offer Signup Forms
มีข้อเสนอพิเศษในการสมัครสมาชิกใหม่
สำหรับการมีฟอร์มให้กรอกเพื่อลงทะเบียนสมัครเป็นสมาชิกของแบรนด์ นอกจากจะทำเป็นป๊อบอัปได้แล้ว ยังสามารถขึ้นเป็นปุ่ม “Subscribe Now!” เพื่อให้กลุ่มเป้าหมายที่สนใจคลิกไปลงทะเบียนได้ทันทีด้วย
ซึ่งจะต่างกับป๊อบอัปตรงที่ Sign Up Forms จะเป็นเพียงปุ่ม CTA เท่านั้น โดยไม่ต้องมีช่องให้กรอก หรือแสดงรายละเอียดอะไรมากมาย โดยแบรนด์สามารถทำให้ปุ่มนี้ ลิงก์ไปยังหน้าลงทะเบียน พร้อมนำเสนอโปรโมชัน กับสินค้าใหม่ของแบรนด์ได้
Welcome Email
มีอีเมลต้อนรับสมาชิกใหม่พร้อมส่วนลดพิเศษ
หลังจากกรอกฟอร์มลงทะเบียนสมัครสมาชิกกับแบรนด์แล้ว สิ่งที่ควรมีต่อมาคือ อีเมลต้อนรับสมาชิกใหม่ พร้อมส่วนลด 25% หรือ 30% เพื่อสร้างความประทับใจแรกให้กับกลุ่มเป้าหมายของแบรนด์
หรืออาจจะเป็นโค้ดส่วนลดพิเศษให้ไปใส่เองเมื่อสั่งสินค้าของแบรนด์จากแพลตฟอร์มช้อปปิ้งออนไลน์ต่าง ๆ ก็ได้เช่นเดียวกัน ซึ่งอีเมลต้อนรับสมาชิกใหม่ควรใส่ดีไซน์ที่เป็นคอลเล็กชันใหม่ของแบรนด์ เพื่อให้กลุ่มเป้าหมายรับรู้ถึงการอัปเดตตามช่วงเทศกาลอยู่เสมอด้วย
Newsletters
อัปเดตข่าวสารแบรนด์ผ่านเอ็กซ์คลูซีฟอีเมล
การส่งจดหมายข่าวผ่านทางอีเมลสำหรับกลุ่มเป้าหมายที่ต้องการรับข่าวสารจากแบรนด์ เป็นวิธีที่สื่อ และมีเดียนิยมใช้กันมาก เพราะเป็นช่องทางที่ง่าย และส่งให้ได้จำนวนเยอะในครั้งเดียว โดยที่กลุ่มเป้าหมายยินยอมที่จะรับด้วยตัวเอง และไม่ได้เป็นการบังคับเหมือนการยิงแอดด้วย
ซึ่ง Newsletter ควรเป็นทั้งช่องทางที่อัปเดตข่าวสารเกี่ยวกับแบรนด์ หรือคอนเทนต์เอ็กซ์คลูซีฟสำหรับกลุ่มเป้าหมายที่ติดตามโดยเฉพาะ ก็จะยิ่งทำให้พวกเขารู้สึกพิเศษเอง
บทสรุปจากวิธีการลดคอร์สยิงแอดข้างต้น นอกจากจะช่วยลดงบในการใช้ยิงโฆษณาแล้ว ยังเป็นการสร้าง Awareness และ Value ให้กับแบรนด์มากขึ้นด้วย
เพราะผู้บริโภคยุคใหม่ต้องชอบความพิเศษที่ Niche ไม่เหมือนใคร เป็นความสัมพันธ์ที่เอ็กซ์คลูซีฟ และดึงดูดกลุ่มเป้าหมายได้ดีเลยทีเดียว
อ้างอิง: eCommerce Fastlane