แชร์ 4 เครื่องมือป้องกันลิขสิทธิ์ผลงาน! ไม่ให้เครื่องมือ Generative AI นำไปใช้ หรือลอกเลียนแบบ

ในยุคของ AI ที่กลายเป็นเครื่องมือสำหรับเจนภาพตามที่ทุกคนอยากได้ แต่ไม่ได้มีมาตรการมารองรับการนำภาพที่มีลิขสิทธิ์มาใช้สำหรับภาพที่เจนได้ ทำให้ศิลปิน และเจ้าของผลงานต่างเป็นฝ่ายเสียเปรียบ แล้วจะมีวิธีไหนบ้างที่ทำให้ผลงานของพวกเขาปลอดภัยจากการถูก AI ดึงไปใช้เป็นองค์ประกอบภาพบ้าง? วันนี้ RAiNMaker มีคำตอบค่ะ

ทุกวันนี้ไม่ว่าจะเป็นวิดีโอเกม ภาพยนตร์ หรือโซเชียลมีเดียต่างก็เต็มไปด้วยการใช้ AI ซึ่งบางครั้งภาพที่ถูกเจนมาก็ถูกดึงมาจากส่วนต่าง ๆ ของผลงานศิลปินหลายแบบ และถูกใช้ในทางที่ผิดได้ ก็เลยทำให้เจ้าของผลงาน Digital Painting ต่างกัวลว่า AI และเทคโนโลยีจะมาแทนที่พวกเขาได้ในสักวัน

ซึ่งลักษณะการใช้งาน Generative AI ในรูปแบบนี้ ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงจนถึงขั้นมีการประท้วงหยุดงานของคนกลุ่มนี้ เพราะงานของพวกเขาถูกนำไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาตอย่างถูกลิขสิทธิ์ แถมบางผลงานยังถูกนำไปใช้ในเชิงพาณิชย์โดยไม่มีแม้แต่ค่าตอบแทนอย่างที่ควรจะได้ด้วย

แต่เครื่องมือ AI บางตัวก็ยังไม่ได้มีแค่การนำผลงานที่มีลิขสิทธิ์มาใช้เท่านั้น แต่ยังอนุญาตให้ผู้ใช้อัปโหลดรูปภาพเพื่อเป็นการอ้างอิงในการให้ AI ลอกเลียนแบบต่อไปด้วย ทั้งหมดนี้จึงแสดงให้เห็นว่าแม้เทคโนโลยี AI จะถูกนำมาใช้มากขึ้น แต่ก็ยังไม่มีกฎหมายไหนที่เกี่ยวกับเทคโนโลยีจัดการเรื่องนี้ได้อย่างชัดเจน ซึ่งแม้จะเป็นเรื่องยากที่ต้องกำหนดบรรทัดฐานให้เข้าใจตรงกันในการใช้งาน AI แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะเกิดขึ้นจริงไม่ได้

อย่างไรก็ตาม บริษัท AI หลาย ๆ แห่งก็เริ่มตระหนักถึงเรื่องนี้ และอยากป้องกันการถูกฟ้องมากขึ้น ก็เลยเสนอทางเลือกให้เหล่าครีเอเตอร์ หรือศิลปินที่สร้างผลงานไม่ต้องนำผลงานมาเข้าการเทรนนิงของบริษัท AI

และสำหรับศิลปิน Visual AI คนไหนที่ต้องการการปกป้องผลงานที่ครอบคุลมมากขึ้น ตอนนี้ก็มีเครื่องมืออย่าง Glaze – Protecting artists from invasive AI และ Kin.Art – Manage and grow your art commissions in one AI-safe place หรือแพลตฟอร์มที่มีนโยบายเรื่องนี้ที่พอจะช่วยได้

Opting Out

แต่ตัวเลือกเกี่ยวกับการไม่ให้ใช้ผลงานใน AI หรือที่เรียกว่า “Opting Out” ก็สามารถทำได้เช่นกัน เพียงแต่ต้องใช้แรงในการลงรายละเอียดหน่อย ซึ่งค่อนข้างเป็นวิธีที่เหนื่อยสำหรับคนที่มีคลังผลงานเยอะ เพราะต้องส่งคำร้องไปยังผู้ให้บริการ หรือบริษัท AI ทั้งทางแบบฟอร์มโดยเฉพาะ หรือทางอีเมล พร้อมสำเนาที่มีคำอธิบายถึงการแสดงความเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์แบบลายลักษณ์อักษร

พร้อมทำข้อตกลงการออกใบอนุญาตให้กับผลงานเมื่อมีใครนำไปใช้ รวมถึงใบอนุญาตสำหรับการนำไปใช้เทรนนิง AI ด้วย ซึ่งทั้งหมดต้องใช้แรง และระยะเวลาในการทำข้อตกลงพอสมควร เนื่องจากโมเดล Generative AI จะใช้ผลงานของคนอื่นหรือไม่ขึ้นอยู่กับชุดข้อมูลในการเทรนนิงเช่นกัน

OpenAI DALL-E

OpenAI มีการอนุญาตให้ครีเอเตอร์ ศิลปิน หรือเจ้าของผลงานสามารถลบผลงานออกจากชุดข้อมูลเทรนนิง AI ได้ในโมเดล Generative AI อย่าง DALL-E 3 ที่อัปเดตในเดือนกันยายนปีที่แล้ว ซึ่งเป็นขั้นตอนที่ทำง่ายที่สุดสำหรับคนที่ต้องการปกป้องผลงานตัวเอง เพราะแค่กรอกฟอร์มของ OpenAI ได้

A screenshot taken of Meta’s form for opting data out of training AI models.

แต่จะต้องส่งฟอร์มแยกต่างหากสำหรับทุกผลงานที่ต้องการแยกออกจากข้อมูลของ OpenAI ซึ่งอาจมีผลงานหลายพันชิ้นสำหรับครีเอเตอร์บางคน แต่ทาง OpenAI ยังไม่เคยได้บอกว่ามีครีเอเตอร์ หรือศิลปินกี่คนที่กรอกข้อมูลแล้วข้อตกลงทั้งหมดผ่าน

หรือหากมีผลงานลงเว็บไซต์ของตัวเองเท่านั้น ก็อาจใช้ตัวเลือกอย่าง “GPTBot” แทนได้ เพราะจะเป็นการดึงข้อมูลจากอินเทอร์เน็ตทั้งหมดที่เปิดเป็นสาธารณะ แล้วปกป้องผลงานทั้งหมดในนั้นได้ แต่ข้อเสียคือหากมีผลงานไหนอยู่นอกเหนือขอบเขตอย่างแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย เพราะมีนโยบายของแพลตฟอร์มอยู่แล้ว ผลงานก็มีความเสี่ยงที่จะถูกคัดลอกอยู่ ฉะนั้นการส่งแบบฟอร์มอย่างน้อยก็ช่วยให้มั่นใจในระดับหนึ่งว่าผลงานได้รับการปกป้องแน่ ๆ

Adobe Firefly

เป็นอีกบิรษัทที่มีการอนุญาตให้ครีเอเตอร์ ศิลปิน หรือเจ้าของผลงานสามารถลบผลงานออกจากชุดข้อมูลเทรนนิง AI ได้เหมือนกัน ซึ่งทาง Adobe เคยมีการประกาศไปแล้วว่า Adobe Firefly มีความปลอดภัยทั้งในการใช้งานดชิงพาณิชย์ และถูกกฎหมาย เพราะภาพที่ AI ใช้นั้นมาจาก “Adobe Stock” ของบริษัทเอง

แต่ก็มีช่วงหนึ่งที่เหล่าครีเอเตอร์ไม่พอใจที่ Adobe Stock นำรูปของพวกเขาไปใช้เทรนนิง AI ใน Adobe Firefly ด้วย ฉะนั้นใครที่เจอว่าผลงานถูกอัปโหลดไปใช้ใน Adobe Stock ก็สามารถส่งการแจ้งเตือนการละเมิด IP เพื่อให้แพลตฟอร์มของ Adobe ลบออกได้

Meta

ครีเอเตอร์ หรือศิลปินคนไหนที่อยากเลี่ยงการนำผลงานไปใช้เทรนนิง AI บน Meta ก็มีฟอร์มให้กรอกเพื่อแจ้งเรื่องไปทางบริษัทให้ลบ หรือแก้ไขในการนำไปใช้เทรนนิง AI ได้เช่นกัน

แต่อย่างไรก็ตามสิ่งที่ถูกอัปโหลดไป ไม่ว่าจะใน Facebook, Instagram หรือ Threads ก็ตาม ก็มีความเสี่ยงที่จะถูกนำไปใช้เทรนนิงโมเดล AI ได้เช่นกัน ฉะนั้นการไม่อัปโหลดอะไร หรือลบบัญชีที่มีอยู่ดูจะเลี่ยงการถูกนำไปใช้เทรนนิง AI ได้มากที่สุดก็ว่าได้

แต่การกรอกฟอร์มเพื่อแจ้งไปทางแพลตฟอร์มเพื่อให้ลบผลงานออกก็ดูจะไม่ค่อยได้ดำเนินการตามที่ครีเอเตอร์ หรือเจ้าของผลงานต้องการได้มากเท่าไหร่นัก เพราะก็มีเสียงวิจารณ์ออกมาเหมือนกันว่า

มันเป็นเพียงการประชาสัมพันธ์เพื่อให้รู้ว่าทางแพลตฟอร์มก็มีนโยบายความปลอดภัยเกี่ยวกับ AI – Bethany Berg ศิลปิน Conceptual Art กล่าว

วิธีอื่น ๆ ที่พอจะทำได้อีกนั่นก็คือการจำกัดการเข้าถึงข้อมูลของบุคคลที่สามบน Meta เพราะเครื่องมือ “Off-Facebook Activities” นี้จะช่วยตรวจสอบ และแสดงหมดว่าเว็บไซต์ หรือบริการไหนที่ให้ข้อมูลของเรากับ Meta บ้าง

Stability AI และ Midjourney

ทั้งสองเครื่องมือ Generative AI นี้นับว่าเป็นเครื่องมือที่ยอดนิยมที่สุดในการใช้เจนภาพ โดยมีเครื่องมืออย่าง Stable Diffusion ของ Stability AI คอยลบเนื้อหาที่ละเมิดลิขสิทธิ์ภายใต้ Digital Millennium Copyright Act (DMCA) แต่ข้อมูลพวกนี้ก็ยังไม่ชัดเจน

ส่วน Midjourney ก็มีการประกาศเกี่ยวกับการละเมิดลิขสิทธิ์ DMCA ที่รวมถึงข้อมูลเกี่ยวกับผลงานต้นฉบับไว้แล้วเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นคำอธิบายผลงาน ข้อมูลการติดต่อ และลายเซ็นของเจ้าของผลงาน

แต่ก็สามารถส่งอีเมลไปแจ้งเรื่องถึงบริษัทโดยตรงได้ โดย สามารถติดต่อ Midjourney ได้ที่ takedown@midjourney.com สำหรับStability AI ส่งอีเมลไปได้ที่ mariya@stability.aiและlegal@stability.ai

ซึ่งทางเลือกที่แจ้งกับบริษัท AI ได้โดยตรงก็อาจมีทั้งต้องใช้เวลา และแรงในการส่งแบบฟอร์มกรอกข้อมูลพอสมควร แต่ก็ยังพอจะมีเครื่องมือที่ช่วยปกป้อง และตรวจสอบผลงานของเราในการถูกนำไปใช้แบบละเมิดลิขสิทธิ์ได้เช่นกัน นั่นก็คือ

Glaze

A screengrab of the Glaze launcher.

หนึ่งในเครื่องมือ Anti-training ใช้งานฟรีที่นิยมใช้กันมากที่สุด ซึ่งสร้างขึ้นโดยทีมมหาวิทยาลัยชิคาโก้ และศิลปินกว่าพันคนมาช่วยพัฒนา ประเมินเครื่องมือให้กลายเป็นเครื่องมือที่ป้องกัน AI ลอกเลียนแบบลายเส้นผลงานได้ในระดับสูงด้วยเทคนิค “Cloaking” หรือปิดบังเทคนิคจน AI งงและลอกเลียนแบบยาก

A green and purple illustration of an ominous floating figure

เพราะจะมีการเพิ่มรายละเอียดแบบพิกเซล หรือลายน้ำลงในผลงานแบบที่มองด้วยตาเปล่าไม่เห็น แถมไม่ทำให้ภาพเพีย้น หรือแปลกไปจากเดิมด้วย และเมื่อนำผลงานที่ผ่าน Glaze ไปลงโซเชียล เครื่องมืออย่าง Stable Diffusion ก็ยังไม่สามารถรู้สไตล์ของผลงานนั้นได้ และป้องกัน AI ทำซ้ำด้วย

Nightshade

A screenshot of the Nightshade launcher.

อีกผลงานหนึ่งที่พัฒนามาจากทีมที่อยู่เบื้องหลังเดียวกันกับ Glaze แต่จะมีความแอดวานซ์กว่าด้วยเทคนิคโมเดล “Poison” หรือการวางยาการลอกเลียนแบบทำซ้ำของ AI เพราะจะบิดเบือนภาพที่ได้ และทำให้ AI สับสนมากกว่าเดิมแม้จะใส่เอาต์พุตเป็นพรอมพ์ต่าง ๆ แล้วก็ตาม

แต่ Nightshade จะต่างจาก Glaze ตรงที่มีขั้นตอนวิเคราะห์รูปภาพและกรอกข้อมูลในช่องด้วย เพราะต้องระบุว่าจะให้กรอกพรอมพ์ด้วยคำว่าอะไรถึงจะทำให้เทคนิควายาพิษของเครื่องมือนี้ได้ผล แต่ก็อาจจะช่วยไม่ได้ 100% เพราะผู้สร้างในบริษัท AI ต่างก็รู้ถึงการวางยาพิษนี้ดี เลยพัฒนาให้ระบบ AI มีความทนต่อการวางยาแบบนี้มากขึ้นแล้ว

Mist

ภาพหน้าจอของ Mist Launcher

เป็นเครื่องมือปกป้องลิขสิทธิ์ผลงานที่มีขึ้นตอนซับซ้อนกว่า Glaze และ Nightshade ที่พัฒนาโดย Psyker Group โดยวิธีการใส่ลายน้ำ และทำให้ภาพที่ AI ลอกเลียนแบบมีความผิดเพี้ยน หรือองค์ประกอบที่เจนโดย AI เหมือนมีหมอกลงในภาพก็ว่าได้

รูปภาพที่สร้างโดย AI ที่มีการบิดเบือนของภาพ

โดยผู้ใช้ Windows PC ที่มี Nvidia GPU สามารถดาวน์โหลด Mist ได้ฟรีผ่านแพ็คเกจ Google Drive ได้เลย เพราะไม่จำเป็นต้องติดตั้งซอฟต์แวร์เองเหมือนกับ Glaze หรือ Nightshade โดยพร้อมให้ใช้งานหลังดาวน์โหลดเสร็จทันทีด้วย แต่มีแค่การตั้งค่าที่ต้องใช้เวลาหน่อยหากไม่ได้มีประสบการณ์เขียน หรือพัฒนาโค้ดมาก่อน

สำหรับใครก็ตามที่ใช้ macOS หรือไม่มี Nvidia GPU ก็สามารถใช้ Mist ผ่าน Colab Notebook ซึ่งเป็นสภาพแวดล้อมแบบ Jupyter Notebook บนคลาวด์ที่ทำงานบนเว็บเบราว์เซอร์ได้ แต่ถ้าให้แนะนำแล้ว Glaze กับ Nightshade มีการใช้ง่ายที่ง่ายกว่ามาก

Kin.Art

A screenshot of the image uploader on Kin.Art.

แม้อาจจะไม่ได้เป็นเครื่องมือที่สร้างมาเพื่อสำหรับ AI Protection โดยตรง แต่เป็นที่ ๆ ครีเอเตอร์​หรือศิลปินสามารถใช้เป็นพื้นที่ของตัวเองในการขายงานได้ แต่ก็มีเทคนิคในการป้องกันการลอกเลียนแบบด้วย AI อยู่ โดยการแบ่งส่วนรูปภาพ ซึ่งใช้เพื่อแยกรูปภาพออกจากกัน หNightshadeรือรวมเข้าด้วยกันจน AI จำไม่ได้ ซึ่งไม่สามารถมองเห็นด้วยตาเปล่า และขัดขวางการอ่านภาพด้วย AI

แต่การใช้งานจะต้องสร้างบัญชีและอัปโหลดผลงานเพื่อให้สามารถใช้เครื่องมือนี้ได้ โดย Kin.Art จะสามารถลิงก์ไปยังแพลตฟอร์มภายนอก เช่น หน้าโซเชียลมีเดียบนโปรไฟล์ผู้ใช้ หรือสามารถเปิดหรือปิดการป้องกันได้เมื่ออัปโหลดภาพด้วย ซึ่งบริการนี้ใช้งานได้ฟรี แต่จะเริ่มคิดค่าธรรมเนียมการบริการ 5% ที่นอกเหนือจากค่าคอมมิชชั่นที่ทำผ่านบริการในเดือนมีนาคมแทน

โดยสรุปแล้วผลงานที่เป็น Digital Art หรือลงเว็บไซต์ก็ยังพอจะมีหลายทางเลือกให้ป้องกันการลอกเลียนแบบจาก AI ได้ อยู่ที่ว่าเราจะเลือกใช้เครื่องมือแบบไหนให้เหมาะสมกับผลงานที่สร้างมา

แต่ดนตรี งานเขียน และมีเดียอื่น ๆ ก็ยังคงต้องการกฎหมาย หรือการรับรองลิขสิทธิ์อย่างจริงจังถึงขั้นเป็นสมาคมลิขสิทธิ์เพื่อสร้างความมั่นใจกับครีเอเตอร์ และศิลปินทุก ๆ วงการได้สร้างสรรค์ผลงานดี ๆ ต่อไป โดยไม่ต้องกังวลการครอบงำของ AI และโลกที่เลียนแบบโดยไร้ซึ่งกฎหมาย

ที่มา: https://www.theverge.com/24063327/ai-art-protect-images-copyright-generators#content

Copyright © 2024 RAiNMaker. All rights reserved.

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save