เมื่อพูดถึงโมเดลการหารายได้แบบ Subscription หรือการสมัครรับข้อมูลของตระกูล Premimum Publisher ที่ลงคอนเทนต์แบบยาก ๆ แพง ๆ ดี ๆ เทรนนี้กำลังมาแรงมาก ๆ ในต่างประเทศ ซึ่งก่อนหน้านี้เราเคยลงบทความเรื่อง หรือว่าเราผิดเองที่ทำให้คนดู มองว่าคอนเทนต์ควรเป็นของฟรี ? ซึ่งพูดในหัวข้อประเด็นนี้กันไปแล้ว ก็คงไม่ต้องมีอะไรต้องมาถกกันอีก แต่ในบทความนี้เราจะมาพูดวิธีคิดที่ค่อนข้างน่าสนใจของ Nicholas Thompson บรรณาธิการบริหารเว็บข่าววิทยาศาสตร์ Wired ที่ล่าสุดสามารถทำให้มีคนสมัครสมาชิกเพิ่มขึ้นบนเว็บได้มากถึง 300 ด้วยการลองผิดลองถูก
คุณ Nicholas ได้เขียนบทความที่ชื่อว่า We launched a paywall. It worked! mostly. ลงบนเว็บไซต์ Wired ซึ่งในบทความ Nicholas บอกว่า วิธีคิดของเขาคือ “When your business depends on subscriptions, your economic success depends on publishing stuff your readers love—not just stuff they click. It’s good to align one’s economic and editorial imperatives!” เพราะว่าธุรกิจของเราอยู่ได้ด้วยการสมัครรับข้อมูล ดังนั้นจะดีหรือไม่ดีก็ขึ้นอยู่กับคอนเทนต์ของเราว่าคนอ่านชอบไหม ไม่ใช่ สิ่งที่ให้พวกเขาคลิก (หมายถึง banner โฆษณา หรือลิ้งค์ไปยังเว็บขายของ) ดังนั้นเราก็น่าจะต้องมาโฟกัสกันที่เนื้อหา และที่เจ็บแสบก็คือ เขาบอกว่าไม่ควรไปทำ clickbait crap เนื้อหาห่วย ๆ ขยะ ๆ ที่ไม่ได้ช่วยให้คนอยากอ่านเว็บเรามากขึ้น
คนทำสื่อต้องปรับเปลี่ยนวิธีคิด
เมื่อก่อนสื่อนั้นจะได้เงินจากโฆษณาเป็นหลัก แต่อย่าลืมว่าสิ่งนี้กำลังเปลี่ยนไปเมื่อมี Social Media เข้ามา เม็ดเงินจำนวนมากที่ครั้งนึงเคยไปลงกับ Journalism กลับไปลงกับ Social Media ซึ่ง Nicholas บอกว่าที่ Wired นั้นเชื่อว่าการทำธุรกิจสื่อควรจะหาช่องทางรายได้ใหม่นอกเหนือจากโฆษณาได้แล้ว หนึ่งในนั้นก็คือ Pay Wall หรือการ Subscription ซึ่งถอดบทเรียนออกมาเป็นกรณีที่น่าสนใจ
Wired ใช้บทความแบบ Long-form ในการกระตุ้นให้คนอ่านรู้สึกอยากสมัครรับข้อมูล บทความ long-form ที่ว่าจะเป็นพวกบทวิเคราะห์ รายงานพิเศษ หรืออะไรที่ลงลึกมาก ๆ ไม่ใช่แค่ข่าวหรือประเด็นสั้น ๆ รวมไปถึง Ideas essays และ guide ต่าง ๆ
อีกท่านึงที่ Wired ใช้ก็คือ Subscribe แล้วแจกของ เช่นรอบล่าสุด Wired แจกแผ่นที่ใช้ปิดกล้องหน้าของคอมพิวเตอร์เพื่อความปลอดภัย ซึ่งกระตุ้นให้คนสมัครรับข้อมูลได้มากขึ้นในราคาที่เท่าเดิม (Nicholas เองก็บอกว่าก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม)
หลายอย่างที่ Wired ลองผิดลองถูกก็เช่น พบว่าการใช้คำว่า “ลดราคา 50%” มีผลต่อการสมัครมากกว่าการ “แจกคูปองลดราคา” หรือการใช้ความรู้สึกแนว ๆ “place order” ไม่ใช่ ““start my subscription” ก็ช่วยให้คนสมัครเยอะขึ้นเหมือนกัน
สุดท้าย Nicholas ยก quote ที่บอกว่า “information wants to be free” มาแล้วบอกว่า “But information also wants to be expensive.” ก็คือ ข้อมูลควรจะเป็นของฟรี แต่ข้อมูลก็ควรจะมีราคาด้วย เพราะสุดท้ายแล้ว สำหรับคนทำสื่อสินค้าของเราก็คือคอนเทนต์นั่นเอง
จริง ๆ ข้างบนผู้เขียนอยากแอบเสริมให้ว่า ในเมื่อ information ควรจะเป็นของฟรี งั้นเราในฐานะ Premium Publisher เราก็อย่าให้แค่ information แต่เราควรจะให้ knowledge และ mindset เพื่อให้คนอ่านเห็น value จากสิ่งที่เราอยากจะถ่ายทอดออกไป และยอมที่จะจ่ายเงินเพื่อรับสิ่งนั้น
เรียบเรียงโดย ทีมงาน RAiNMAKER
