เค-คณิน พรรคติวงษ์ ผันตัวจากครีเอทีฟในเอเจนซีโฆษณาสู่ครีเอเตอร์เจ้าของเพจ ‘แม่ เมนูนี้ทำไง’ ที่เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วภายในระยะเวลาไม่ถึงปี ภายใต้คอนเซ็ปต์เพจอาหารที่เน้นบทสนทนาในครอบครัว ผ่านการเล่าเรื่องที่ไม่เหมือนใครด้วยการคุยโทรศัพท์ พร้อมภาพที่ถูกบรรยายภาพคล้ายภาพยนตร์ที่ทำให้คนดูรู้สึกอบอุ่นหัวใจและคิดถึงบ้านทุกครั้งที่ได้รับชม
สิ่งที่ทำให้ ‘แม่ เมนูนี้ทำไง’ แตกต่าง
เคนิยามว่าตนเองเป็นมากกว่าเพจทำอาหาร เพราะนอกจากการนำเสนอภาพจะใช้การดำเนินเรื่องแบบภาพยนตร์ และโปรดักชันที่ไม่เหมือนใครแล้ว แม่ เมนูนี้ทำไง ยังถือเป็นเพจที่สื่อถึงการสื่อสารที่มีความแตกต่างระหว่างวัย ที่ทำเอาหลายคนคิดถึงที่บ้านทุกครั้งที่ดู
เคเล่าว่าเดิมทีจุดประสงค์ในการทำเพจเพียงเพราะอยากคุยกับแม่ แต่พอเวลาผ่านไปก็พบว่าสิ่งนี้สามารถสื่อสารไปถึงคนอื่นได้ด้วย จึงรู้สึกเหมือนตนเป็นคนที่รดน้ำต้นไม้จนโต แล้วเห็นมันแตกกิ่งก้านออกไปเป็นร่มเงาให้คนอิ่นอีกที
การเปลี่ยนแปลงที่ไม่ทันตั้งตัว
ด้วยความที่เพจเติบโตเร็ว เคจึงเปรียบการเปลี่ยนแปลงเหมือนการนั่งรถไฟเหาะ เพราะบางครั้งก็ตั้งตัวรับไม่ทัน การเปลี่ยนแปลงหลายอย่างทำให้ต้องทำงานหนักขึ้นไปด้วย ซึ่งความยากอยู่ที่วันหยุดงานที่ไม่แน่นอนเหมือนตอนเป็นครีเอทีฟ
เพราะครีเอเตอร์เป็นงานที่ต้องใช้หัวคิดตลอดเวลา แต่โดยรวมเจ้าตัวก็บอกว่ามีความสุขมากกว่าการทำงานประจำ เนื่องจากไม่ต้องแบกรับความคาดหวังของเจ้านาย เนื่องจากทำงานกับตัวเอง แต่ในทางกลับกันก็มีเรื่องความคาดหวังของตัวเอง คนดู และลูกค้าเข้ามาแทน
บทเรียนจากการทำงานร่วมกับแบรนด์
เคเล่าให้ฟังว่า ในช่วงแรกทำคอนเทนต์ตอบสนองความต้องการแบรนด์ทุกอย่าง จนจุดนึงฉุกคิดได้ว่ามันคือการเปิดให้แบรนด์มาอาศัยพื้นที่ของช่องเราเพื่อทำการโปรโมตเท่านั้น จากนั้นเลยปรับคอนเทนต์ ตั้งเงื่อนไขกับแบรนด์มากขึ้น เพื่อความเข้าใจตรงกันในการทำงาน และเพื่อไม่ให้เสียความเป็นตัวเอง
แม้จะมีบางแบรนด์ที่ไม่เข้าใจในตัวตนของครีเอเตอร์อยู่บ้าง เคจึงแนะนำว่าแบรนด์ควรทำความรู้จักครีเอเตอร์ให้ดีก่อนเลือกที่จะร่วมงานด้วย เปรียบเสมือนยามเราต้องการเข้าไปมีส่วนร่วมกับคนกลุ่มหนึ่ง เราก็ควรที่จะศึกษา และทำความรู้จัก เพื่อจะเข้ากับพวกเขา ไม่ใช่เข้าไปเพื่อเปลี่ยนตัวตนเขาให้ตรงกับเรา
แน่นอนว่าแบรนด์และครีเอเตอร์มีความเก่งกันคนละแบบ จึงเป็นสาเหตุให้ทั้งสองฝ่ายควรจะพูดคุย เชื่อใจ และให้โอกาสกันและกัน เพื่อให้ผลลัพธ์ออกมามีคุณค่ามากขึ้น
แพลตฟอร์มทางเลือกที่น่าสนใจ
เนื่องจากจำนวนทีมงานที่สวนทางกับการเติบโตของเพจ จึงทำให้ แม่ เมนูนี้ทำไง ยังไม่สามารถโฟกัสแพลตฟอร์มอื่น ๆ ได้เต็มที่มากนัก ซึ่งถ้าขยายไปแพลตฟอร์มอื่น ๆ ก็ต้องทำประเภทคอนเทนต์ให้เหมาะสมกับแพลตฟอร์มนั้น ๆ อีกด้วย
ตอนนี้เคจึงมุ่งทำคอนเทนต์บน Facebook เป็นหลักเสียมากกว่า อย่างไรก็ตามเคเสริมเพิ่มเติมว่า YouTube เองก็เป็นอีกช่องทางที่ตอบโจทย์ แม่ เมนูนี้ทำไง ด้วยความเป็นแพลตฟอร์มวิดีโอที่ไม่ยาวและไม่สั้นจนเกินไป รวมถึงสามารถนำเสนอผลงานในรูปแบบที่โปรดักชันเทียบเท่าการทำภาพยนตร์ผ่านรูปแบบเพจได้ จึงอาจส่งผลดีในการทำในระยะยาว
ก้าวต่อไปของ แม่ เมนูนี้ทำไง
ด้วยแนวโน้มตลาดในอนาคตที่คอนเทนต์จะมีความเฉพาะกลุ่มมากขึ้น รวมถึงคอนเทนต์จะหลากหลายมากขึ้น เคกล่าวว่าใครที่มีคอนเซ็ปต์ที่โดดเด่นก็น่าจะเฉิดฉายขึ้นมาในวงการไม่ยาก
สำหรับก้าวต่อไปของเพจ เคเล่าว่าอยากทำคอนเทนต์ครีเอเตอร์เอเจนซี รวมกลุ่มของตัวเองเพื่อทำคอนเทนต์ให้หลากหลายมากขึ้น พร้อมมองไปถึงการทำให้เป็นสากลมากขึ้นด้วย เพื่อทำลายกำแพงภาษา และดันบทสนทนาให้ไปไกลกว่าบทสนทนาในครอบครัว
นอกจากนี้ ยังมีแพลนทำคอนเทนต์ในเพจให้ดูเหมือนซีรีส์มากขึ้น และเน้นการตั้งสตอรีของเพจเป็นหลัก แล้วค่อยเปิดโอกาสให้แบรนด์เข้ามาร่วมงานเองมากกว่าการนำไอเดียลูกค้ามาเป็นสารตั้งต้น