Adobe กำลังทดสอบฟีเจอร์ใหม่อย่าง ‘Live collaboration’ สำหรับ Photoshop เพื่อให้ผู้ใช้ที่ต้องการทำงาน หรือแก้ไขร่วมกันได้แบบ Co-Editing เลย ซึ่งในตอนนี้ยังเป็นเวอร์ชันเบต้า และสามารถลงทะเบียนเพื่อขอรับการทดสอบบน Photoshop เวอร์ชันเดสก์ท็อป และเว็บแอปต่อไป
ซึ่งหาก Adobe ได้ปล่อยให้ใช้งานกันจริง ๆ แล้ว ก็จะทำให้ครีเอเตอร์สามารถแบ่งพาร์ทกันเพื่อแก้ไข หรือทำงานร่วมกันเป็นโปรเจกต์ได้ง่ายขึ้น โดยไม่ต้องส่งต่อกันไปมาแบบเดิม หรือจะใช้เพื่อการศึกษา และทำงานเป็นทีมก็ย่อมได้
โดยเฉพาะกับทีมขนาดใหญ่ไซซ์องค์กรจะทำงานกับทีมของตัวเอง หรือลูกค้าได้ง่ายขึ้นด้วย เพราะสามารถแก้ไข หรือคอมเมนต์ได้ในไฟล์เดียวกันเลย หรือจะนำไปใช้กับการเรียนการสอน ที่ปู้สอนต้องการสาธิตควบคู่ไปด้วย ก็จะปรับปรุงการเรียนรู้แบบเรียลไทม์ได้มากขึ้น
แต่ยังไม่หมดเพียงเท่านี้ เพราะ Photoshop ก็ได้เปิดตัวฟีเจอร์อื่น ๆ สำหรับการใช้งานที่ง่าย และเร็วมากขึ้นในปี 2024 ด้วย ไม่ว่าจะเป็น
Distraction Removal
เครื่องมือลบวัตถุ และตรวจสอบวัตถุที่สามารถลบออกจากภาพได้โดยอัตโนมัติ เช่น ผู้คนที่อยู่ด้านหลัง และยังสร้างวัตถุเสริมขึ้นมาที่มีความลึก และมิติของภาพให้สมบูรณ์หลังจากลบวัตถุออกไป
และต่อให้จะมีองค์ประกอบซับซ้อน การวิเคราะห์ของฟีเจอร์ ‘Find distractions’ ก็จะรับรู้ถึงความละเอียดมากขึ้น เลยทำให้แทนวัตถุด้วยพื้นผิวเดียวกันในภาพได้เนียน โดยช่วยประหยัดเวลาในการลบวัตถุเองด้วย
Improved Font browser
สำหรับโปรเจกต์ที่ต้องการโฟกัสงานแบบ typography ก็สามารถใช้ฟีเจอร์ ‘Font browser’ เพื่อเสิร์ช และฟิลเตอร์ พร้อมไลฟ์พรีวิวฟอนต์ต่าง ๆ กว่า 25,000 ฟอนต์แบบถูกลิขสิทธิ์ในการใช้งานได้ฟรีจากคลาวด์ โดยไม่ต้องออกจากแอป Photoshop
เป็นการค้นหาฟอนต์ที่ใช่โดยไม่รบกวนเวิร์กโฟลว์นั่นเอง และเมื่อเพิ่มแบบอักษรใหม่จากคลาวด์แล้ว ฟอนต์ที่เลือกก็จะถูกซิงค์โดยอัตโนมัติบน Photoshop ทั้งหมด และบน Adobe Creative Cloud เวอร์ชันแอปบนเดสก์ท็อปด้วย
Selection Brush
ฟีเจอร์ Selection Brush ช่วยให้สามารถเลือก และปรับแต่งวัตถุในภาพได้อย่างอิสระ และเป็นธรรมชาติมากขึ้น เพราะสามารถเลือกวัตถุเพื่อตั้งค่าความทึบ หรือโปร่งแสงได้ โดยไม่รบกวนความสมจริงของภาพ
ซึ่ง Selection Brush จะมีตัวเลือกในการควบคุมที่ยืดหยุ่นได้มากขึ้น และไม่ได้มีแค่การปรับ Opacity เท่านั้น ไม่ว่าจะเลือกปรับแต่ง เพิ่มองค์ประกอบ หรือสร้างอะไรขึ้นมาใหม่ก็ตาม
Generative AI
ทั้ง Generative Fill, Generative Expand และ Generate ในตอนนี้จะใช้ระบบโมเดลเดียวกันกับ Adobe Firefly Image ที่ช่วยให้การพัฒนารูปภาพ และป้อนพรอมพ์มีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยจะเข้าใจวัตถุ และองค์ประกอบที่ซับซ้อนง่ายขึ้นด้วย
Adjustment Brush Tool
ฟีเจอร์ Adjustment Brush จะช่วยให้ปรับความสว่าง และความอิ่มตัวของแสงในองค์ประกอบภาพได้ ตั้งแต่ brightness, saturation, exposure และอีกมากมาย ที่อยากปรับองค์ประกอบแบบเฉพาะเจาะจง
Custom Adjustment Presets
มีพรีเซ็ตกว่า 30+ Adjustment เพื่อให้เปลี่ยนองค์ประกอบภาพตามพรีเซ็ตได้ในคลิกเดียว เพียงแค่สร้าง และเซฟพรีเซ็ตที่ต้องการไว้ หรือจะเอ็กพอร์ต และแชร์ หรืออิมพอร์ตไปไว้ใน favorites ก็ได้เช่นกัน
Enhance Detail
เป็นฟีเจอร์ที่ช่วยเพิ่ม sharpness หรือความคมชัดขององค์ประกอบได้บน Generative Fill
นอกจากนี้ Photoshop ยังเพิ่มการรองรับบุลเล็ต และสัญลักษณ์หมายเลขต่าง ๆ เมื่อใช้งาน ‘Type Tool’ และมี Contextual Task Bar ที่ช่วยตั้งค่า Shape และ Transform กับ Rotate ได้โดยไม่ต้องค้นหาในเมนูให้ยุ่งยาก
แถมยังรองรับ OpenColorIO (OCIO) และ 32-bit HDR เพื่อการควบคุม และทำให้เวิร์กโฟลว์อยู่ในคุณภาพระดับสูงมากขึ้น พร้อมกับรองรับภาษาเวียดนาม และอินโดนีเซียเพิ่มด้วย
เรียกได้ว่าจากฟีเจอร์ทั้งหมดที่ Photoshop ประกาศนั้น มีประโยชน์ในการใช้งานมากขึ้นกับครีเอเตอร์ และองค์กรมาก ๆ แต่ในตอนนี้ยังเป็นเวอร์ชันเบต้าอยู่ ใครที่สนใจก็สามารถลงทะเบียนเพื่อเป็น waiting list ในการใช้งานฟีเจอร์ Live Co-Editing ต่อไปได้ที่นี่: ลงทะเบียน waiting list สำหรับ Live Co-Editing
ที่มา: https://www.theverge.com/2025/1/14/24343448/adobe-is-bringing-live-collaboration-to-photoshop