ประเทศไทยน่าจะเป็นที่แรกๆของโลกที่สามารถนำฟีเจอร์ Live ของ Social Media ต่างๆมาหาเงินจากการขายของได้ ไม่น่าจะเป็นการขาย เสื้อผ้า รองเท้า ครีม และที่พีคที่สุดเท่าที่เห็นมาในช่วงไม่นานมานี้ก็คือการ Live ขายอาหารทะเลตากแห้ง ซึ่งคนที่ทำการขายใน Live ไม่ใช่ Pretty หรือ MC แต่เป็นเจ้าของร้าน ซึ่งลีลาการขายต้องบอกเลยว่าไม่แพ้มืออาชีพเลย
ด้วยนิสัยหลายๆอย่างของคนไทยที่ไม่เหมือนคนชาติอื่น การ Live ขายของจึงเป็นที่นิยมกันมากในปัจจุบัน ร้านบางร้านสามารถทำเงินต่อการ Live 1 ครั้งได้หลายหมื่นบาท อะไรคือปัจจัยที่ทำให้การขายของแบบนี้ขายดีเป็นเทน้ําเทท่า เรามาเจาะแต่ละปัจจัยไปพร้อมกันดีกว่า
1. คนไทยกลัวโดนหลอก
เรามักจะเห็นข่าวการหลอกลวงเกี่ยวกับการซื้อของออนไลน์มากมาย ซึ่งข่าวเหล่านี้ทำให้ใครหลายคนกลัว ไม่กล้าที่จะซื้อของกับร้านบน Facebook หรือแม้กระทั่งกับคนด้วยกัน การ Live เปรียบเสมือนการประกาศตัวตนทางอ้อมว่า “ร้านเราไม่โกงนะ นี่ไงเห็นหน้าเห็นตากันแล้ว มีการโอนเงินจริงๆ ของก็มีจริงๆนะ” ซึ่งการที่เราได้เห็นผู้ขายมีตัวตนจริงๆก็สามารถสบายใจได้มากขึ้น และที่สำคัญยังมีหลักฐานที่เป็นวีดีโอเอาไว้มัดตัวถ้าหากโดนโกงได้อีกด้วย
2. คนไทยชอบเห็นของจริง
ไม่มีใครไม่อยากเห็นของจริง ลองถามตัวเองดูว่าเวลาอยากได้ของอะไรที่มีราคาค่อนข้างแพงแล้วต้องซื้อกับคนแปลกหน้าเราอยากจะเห็นของก่อนหรือไม่? การ Live แล้วโชว์สินค้าให้ดูกันแบบตรงไปตรงมาสามารถทำให้ลดความกังวลใจในส่วนนี้ไปได้และเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่คอยช่วยส่งเสริมการขายให้ได้ง่ายขึ้น
3. คนไทยชอบถาม
พี่คะ อันนี้ราคาเท่าไหร่? อันนี้ Size อะไร? อันนี้ของแท้ไหม? ต่อให้แม่ค้าหรือพ่อค้าเขียนบอกที่กล่าวมาข้างต้นไปหมดแล้ว ก็ยังไม่วายจะเจอคำถามเหล่านี้ซ้ำไปซ้ำมา การ Live เหมือนกับการเปิดโอกาสให้คำถามเหล่านี้ได้พูดรอบเดียวและถามตอบกันแบบสดๆ
4. คนไทยชอบต่อและใจร้อน
ลดได้ไหม เอา 4 ชิ้นให้ราคาเท่าไหร่ พี่คะ ตอบหน่อยๆๆๆๆๆๆ ประโยคพวกนี้เรามักจะเจอกันบ่อยเวลาพ่อค้าแม่ค้า Capture หน้าจอเวลาเจอลูกค้าตลกๆมาให้ดู ซึ่งโดยส่วนตัวคิดว่าลูกค้าบางคนไม่ได้เล่นอินเทอร์เน็ตทุกเวลาทุกสถานที่เราที่เค้าได้เข้ามาพูดคุยหรือสอบถามเรื่องต่างๆเกี่ยวกับสินค้าคือช่วงเวลาที่เค้าสามารถเข้ามาได้แบบจำกัดเวลา ซึ่งการ Live เหมือนการประกาศไปเลยว่า เวลานี้พี่จะมาขายของแล้วนะน้องๆมารอกันได้เลย ถาม-ตอบ ต่อราคากันทีเดียว
5. คนไทยชอบความเอนเตอร์เทน
ของดีก็ขายได้ แต่ของดีและคนขายดีด้วยก็จะขายได้เยอะกว่า คำว่าดีในที่นี้สามารถแปลออกมาได้หลายรูปแบบเช่น คนขายสวย น่ารัก, คนขายพูดเก่ง, คนขายตลก, คนขายเป็นกันเอง ฯลฯ และยิ่งมีดนตรีประกอบ มีการประมูลแบบจับเวลา เลยทำให้การ Live ขายของนั้นสนุกขึ้น ขอยกตัวอย่างเพจ อาหารทะเลตากแห้ง จ.สตูล ที่ทำ Live ออกมาได้ดีมากๆ มีการเล่นมุกตลกและการรับส่งคำกันได้อย่างดี เป็นอีก Casestudy ที่น่าสนใจไม่น้อย
6. เทรนด์วีดีโอกำลังมา
Facebook กำลังผลักดันให้วีดีโอทั้งแบบ Live และแบบทั่วไปมีคนเห็นมากขึ้น บวกกับประสบการณ์ของผู้ใช้ที่เปลี่ยนไปหันมาเสพสื่อวีดีโอมากขึ้น ดูแนวโน้มได้จากการใช้ Netflix, Spotify และ LINE TV คนเริ่มไม่กลัวการดูวีดีโอที่ยาวๆอีกแล้วเพราะด้วยค่าเน็ตที่ถูกลงอินเทอร์เน็ตเร็วขึ้น วีดีโอในยุคนี้ถือว่าเป็นหัวใจหลักของธุรกิจต่างๆเลยก็ว่าได้
6 ปัจจัยที่กล่าวมานั้นคือเรื่องพื้นฐานที่คนอยากจะทำ Live ขายของควรเข้าใจและเรียนรู้ ไม่ใช่ทุกสินค้าทุกบริการจะสามารถทำทุกข้อไปใช้ได้หมด ต้องดูความเหมาะสมของสินค้าและเนื้อหาการ Live ที่เราจะทำไปพร้อมกันด้วย คนไทยมีหลากหลายกลุ่มเป้าหมาย ซึ่งกลุ่มเป้าหมายที่นำมาเป็น Casestudy นี้จะจัดอยู่ในกลุ่มที่ชอบซื้อของออนไลน์ผ่าน Social Media
