ข้อควรรู้เกี่ยวกับ Local Influencer ทำการตลาดจากคนในพื้นที่สู่วงกว้าง

ในยุคดิจิทัลที่ทุกคนเชื่อมต่อกันผ่านโลกออนไลน์ การใช้ Local Influencer กำลังกลายเป็นกลยุทธ์หนึ่งที่แบรนด์สามารถนำไปใช้เพื่อทำการตลาด เรียกได้ว่าคนกลุ่มนี้เป็นผู้มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจซื้อของผู้คนในแต่ละพื้นที่ รวมถึงยังมีความน่าเชื่อถือ เพราะจะทำให้สามารถรู้สึกถึงประสบการณ์ร่วมกับอินฟลูเอนเซอร์เหล่านั้น ทำให้แบรนด์ต่าง ๆ เริ่มที่จะเลือกใช้ Local Influencer เพื่อเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายให้ตรงจุดมากขึ้น

ซึ่ง Local Influencer ไม่ได้ขึ้นอยู่กับจำนวนผู้ติดตาม แต่ขึ้นอยู่กับความเชื่อมโยงของพื้นที่นั้น ๆ รวมถึงการเลือกใช้อินฟลูเอนเซอร์ประเภทนี้เพื่อโปรโมตแบรนด์ จะสร้างปฏิสัมพันธ์กับผู้บริโภคได้ดีกว่า เช่น ถ้าเราต้องการโปรโมตผลิตภัณฑ์ในจังหวัดเชียงใหม่ แต่ไปเลือกใช้อินฟลูเอนเซอร์ของกรุงเทพ ก็จะทำให้การเกิดรับรู้ และความน่าเชื่อถือของแบรนด์น้อยกว่า เพราะไม่สามารถสื่อสารออกไปจากประสบการณ์จริง

นอกจากนี้จากสถิติยังพบว่ายอดเอนเกจของ Local Influencer ยังมีแนวโน้มที่สูง และเป็นออแกนิกมากกว่า เนื่องจากผู้ติดตามของอินฟลูเอนเซอร์ประเภทนี้ส่วนใหญ่ก็จะเป็นคนในพื้นที่ ซึ่งเป็นกลุ่มเป้าหมายของเรา ในวันนี้ RAiNMaker ก็จะพาทุกคนไปดูข้อควรรู้เกี่ยวกับ Local Influencer กุญแจสำคัญในการสร้างความสำเร็จในตลาดกันเลย!

แนวทางการเลือก Local Influencer

แน่นอนว่าการเลือกอินฟลูเอนเซอร์ที่เป็นเหมือนตัวแทนในการสื่อสารแบรนด์ของเราออกไป ทำให้ต้องวิเคราะห์ความเหมาะสมระหว่างตัวตนของอินฟลูเอนเซอร์กับภาพลักษณ์ของแบรนด์ รวมถึงการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่ตรงจุด เช่น หากเป็นแบรนด์เทคโนโลยีก็ควรมองหาครีเอเตอร์ที่มีความสนใจในด้านเทคโนโลยี และผู้ติดตามที่มีความชอบคล้ายกัน

นอกจากนี้การเลือกคนที่มียอดผู้ติดตามสูงอาจไม่ใช่คำตอบเสมอไป แต่ควรพิจารณาจากคุณภาพของเอนเกจ เช่น การคอมเมนต์, กดไลก์ และการมีส่วนร่วมของกลุ่มเป้าหมาย รวมถึงความสม่ำเสมอของการสร้างคอนเทนต์ โดยเฉพาะความใส่ใจรายละเอียดของอินฟลูเอนเซอร์ ซึ่งจะทำให้แบรนด์ได้รับ Converdation Rate ที่สูงกว่าเดิม

8 กลยุทธ์เพื่อตามหา Local Influencer ที่ใช่!

  • ระบุแพลตฟอร์มของกลุ่มเป้าหมาย: จุดเริ่มต้นของการค้นหา Local Influencer เพื่อร่วมงานกัน มักจะมาจากแพลตฟอร์มยอดนิยม เช่น Instagram, TikTok และ YouTube ที่เต็มไปด้วยครีเอเตอร์ที่สร้างสรรค์คอนเทนต์ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว โดยแบรนด์สามารถศึกษาเพื่อหาแพลตฟอร์มที่กลุ่มเป้าหมายของเราใช้งาน
  • เข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย: หลังจากการสำรวจเพื่อหาแพลตฟอร์มที่ตรงกับกลุ่มเป้าหมายของเราที่สุดแล้ว ลำดับต่อไปสามารถค้นหาจาก Geo-Tags โดยใช้ฟีเจอร์แผนที่เพื่อดู Story หรือโพสต์เกี่ยวข้องกับพื้นที่ที่เราสนใจ และเชื่อมโยงกับ Keyword ของเรา
  • ค้นหาผ่านแฮชแท็ก: แฮชแท็กเป็นหนึ่งในเครื่องมือสำคัญในการหา Local Influencer โดยเราสามารถลองค้นหา Keyword ที่เกี่ยวข้องกับพื้นที่ผ่านแฮชแท็ก เช่น #ชื่อจังหวัดของเรา หรือ #สถานที่สำคัญ ที่จะสามารถเป็นตัวกรองเพื่อเพิ่มโอกาสในการเจอ Local Influencer ได้ดีที่สุด
  • ร่วมอีเวนต์ในพื้นที่: งานที่จัดขึ้นในพื้นที่ เช่น งานอีเวนต์, การทำเวิร์กช็อป และนิทรรศการต่าง ๆ มักจะเป็นศูนย์รวมของ Local Influencer ที่มีความสนใจเฉพาะด้าน ซึ่งเราจะสามารถสังเกตได้จากหัวข้อที่คนเหล่านี้เข้าร่วม และไปพบเจออินฟลูเอนเซอร์ที่มีศักยภาพที่จะโปรโมตแบรนด์ เพื่อติดต่อกันแบบออฟไลน์ได้เลย
  • วิเคราะห์การร่วมงานของคู่แข่ง: คู่แข่งในพื้นที่ของเราอาจจะเคยใช้ Local Influencer ในการโปรโมตแบรนด์มาก่อน ทำให้เราสามารถนำกลยุทธ์เหล่านั้นมาลองศึกษา เช่น มีเกณฑ์การคัดเลือกอย่างไร, มีการทำงานแบบไหนบ้าง และผลลัพธ์จากการโปรโมตออกมาในทิศทางยังไง เพื่อนำมาปรับใช้กับแบรนด์ของเรา
  • เข้าร่วมคอมมูนิตี้ออนไลน์: เราสามารถค้นหากลุ่มคอมมูนิตี้บนช่องทางโซเชียลมีเดียต่าง ๆ เช่น กลุ่ม Facebook, Line OpenChat หรือช่องทางออนไลน์อื่น ๆ ที่ได้รับความนิยมในพื้นที่ โดยเราจะต้องสังเกตโพสต์ของผู้ใช้ที่มีการโต้ตอบสูง หรือมีเอนเกจของโพสต์ในระดับดี รวมถึงการร่วมคอมมูนิตี้ก็จะทำให้เราสามารถเห็นความต้องการของคนในพื้นที่ชัดเจนขึ้นอีกด้วย
  • ค้นหาผ่านสื่อท้องถิ่น: การค้นหา Local Influencer ผ่านสื่อในพื้นที่ เช่น รายการ, หนังสือพิมพ์ และวิทยุท้องถิ่น จะทำให้เราสามารถเจอคนในพื้นที่ที่มีศักยภาพในการทำให้ธุรกิจของเราเติบโต เพราะสื่อเหล่านี้จะทำให้เราเห็นแนวทางของการทำงาน รวมถึงคนที่มีความโดดเด่นในพื้นที่ ซึ่งอาจจะเป็นอินฟลูเอนเซอร์ที่เหมาะกับแบรนด์ของเรา
  • ติดตามเทรนด์ในพื้นที่: ใช้ Google Trends เพื่อติดตามแทรนด์ และหัวข้อยอดนิยมในพื้นที่ จะทำให้เราสามารถวิเคราะห์ความสนใจของกลุ่มเป้าหมาย รวมถึงการติดตามคนที่รีวิวบน Google Maps เพื่อให้เราสามารถค้นหา Local Influencer ได้เชื่อมโยงกับพื้นที่ และเหมาะสมกับการโปรโมตของเรา

วิธีค้นหา Local Influencer ในแต่ละแพลตฟอร์ม 

Instagram

Instagram เป็นแพลตฟอร์มที่มีฟีเจอร์ Geo-Tags และ Location Story ที่ช่วยให้เราสามารถค้นหาโลเคชัน และดูผู้ใช้ที่แท็กสถานที่นั้น ๆ บน Story ได้โดยตรง รวมถึงเรายังสามารถดูโพสต์ยอดนิยมในพื้นที่เพื่อค้นหาอินฟลูเอนเซอร์ที่เชื่อมโยงกับกลุ่มเป้าหมายที่เราต้องการเข้าถึง

นอกจากนี้การค้นหาแฮชแท็กที่เกี่ยวข้อง เช่น #BangkokFoodie หรือ #ร้านอาหารเชียงใหม่ จะช่วยเพิ่มโอกาสในการเจอครีเอเตอร์ที่เหมาะสม โดยเรายังสามารถศึกษาการทำงานของคู่แข่งที่ทำงานร่วมกับ Local Influencer เพื่อวางแผนกลยุทธ์การทำงานให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

YouTube

YouTube ช่วยให้เราสามารถค้นหา Local Influencer ได้ละเอียดด้วยฟีเจอร์ Filter เพื่อกรองโลเคชัน และคอนเทนต์ที่ตรงกับความต้องการ โดยเฉพาะการค้นหาครีเอเตอร์ประเภท Vlog ที่เน้นการทำคอนเทนต์ในพื้นที่ ซึ่งเราสามารถหาด้วย Keyword ต่าง ๆ เช่น Bangkok Street Food เป็นการผสมระหว่างสิ่งที่เราต้องการกับชื่อพื้นที่

เนื่องจาก Keyword สำคัญอาจจะซ่อนอยู่ในวิดีโอ Title หรือ Description ทำให้การค้นหาแค่ชื่อเพียงอย่างเดียวอาจจะไม่ได้อินฟลูเอนเซอร์ตรงตามจุดประสงค์ของเรา รวมถึงการอ่านคอมเมนต์ยังเป็นอีกช่องทางสำคัญ เพราะเราอาจจะเจอผู้ชมที่สนใจในคอนเทนต์ที่เกี่ยวกับแบรนด์ และคนเหล่านั้นก็มีโอกาสกลายเป็นครีเอเตอร์ที่ใช่สำหรับแบรนด์ของเราเช่นกัน

TikTok

แพลตฟอร์มที่เรียกได้ว่ามีแฮชแท็กเยอะที่สุด และละเอียดที่สุดคงไม่พ้น TikTok ที่ผู้ใช้ส่วนใหญ่จะค้นหาสิ่งที่สนใจจากการดูโพสต์บนหน้าฟีด เนื่องจากอัลกอรึทึมของ TikTok จะขึ้นเทรนด์ และวิดีโอที่เกี่ยวข้องตามโลเคชันที่เราอยู่ รวมถึงผู้ใช้ยังมีพฤติกรรมการคลิกเข้าไปส่องแฮชแท็กเพื่อดูพื้นที่นั้นเพิ่มเติม

ทำให้แพลตฟอร์มนี้เหมาะกับการดูหน้าฟีดเพื่อสำรวจ Local Influencer ที่เราต้องการ ร่วมกับการใช้ Geo-Tags สำหรับโพสต์ที่มีการใส่โลเคชัน เพราะเมื่อเรากดเข้าไปก็จะสามารถดูวิดีโอที่เกี่ยวข้อง รวมถึงสามารถดูวิดีโอยอดนิยมที่ติดท็อปบนสุดในหมวดหมู่นั้น ๆ ได้อีกด้วย

Facebook

Facebook เป็นอีกหนึ่งแพลตฟอร์มที่เหมาะกับการค้นหา Local Influencer โดยเฉพาะกลุ่มคอมมูนิตี้ที่เป็นแหล่งรวมผู้ที่สนใจในเรื่องต่าง ๆ จากทั่วประเทศ ซึ่งเราสามารถเน้นไปที่การค้นหาหัวข้อเฉพาะที่เกี่ยวข้องกับแบรนด์ หรือพื้นที่นั้น ๆ เช่น กลุ่มในจังหวัด หรือกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับสิ่งที่เรากำลังค้นหา

นอกจากนี้การโพสต์ในกลุ่มเพื่อสอบถาม หรือเปิดรับอินฟลูเอนเซอร์ที่สนใจ และมีประสบการณ์ร่วมกับสิ่งที่เราต้องการสื่อสารโดยตรงก็เป็นอีกหนึ่งวิธีที่จะช่วยให้เกิดการเข้าถึงมากขึ้น รวมถึงการใช้ช่องค้นหา Keyword ที่สำคัญ เพื่อดูคอนเทนต์ที่มีคนแชร์ หรือลิงก์ๆไปยังเพจต่าง ๆ ซึ่งจะเป็นโอกาสให้แบรนด์สื่อสารอย่างมีประสิทธิภาพกับกลุ่มเป้าหมาย และสร้างความเชื่อมั่นได้มากขึ้น

Case Study จากแบรนด์ที่ใช้ Local Influencer

ตัวอย่างแบรนด์อสังหาริมทรัพย์อย่าง SUPALAI และ SANSIRI ก็ได้นำ Local Influencer มาใช้ในการโปรโมตแคมเปญ เช่น แฮชแท็กที่เกี่ยวกับพื้นที่นั้น ๆ อย่าง #ศุภาลัยX(ชื่อจังหวัด) และ #(ชื่อจังหวัด)ต้องแสนสิริ ซึ่งคอนเทนต์ที่สร้างขึ้นส่วนใหญ่จะเป็นคนในพื้นที่ เพื่อดึงดูดความสนใจ รวมถึงสร้างความเชื่อมโยงกับกลุ่มเป้าหมายแต่ละจังหวัด

โดยการใช้ Local Influencer จะทำให้คนในพื้นที่สามารถถ่ายทอดประสบการณ์ที่เกี่ยวกับแบรนด์ ซึ่งจะสามารถสร้างความน่าเชื่อถือ และการมีส่วนร่วมในแคมเปญต่าง ๆ นอกจากจะช่วยให้แบรนด์เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้ตรงจุดแล้ว ยังช่วยเพิ่มการรับรู้ถึงแบรนด์อย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืนด้วย

ที่มา: https://www.gelato.com/blog/local-influencers

Copyright © 2025 RAiNMaker. All rights reserved.

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save