เพราะคาแรกเตอร์ และมาสคอต เปรียบเสมือนสัญลักษณ์ และเอกลักษณ์ที่ทำให้ผู้คนจำแบรนด์ของเราได้ หลาย ๆ แบรนด์จึงโฟกัสการสร้างคาแรกเตอร์ให้อยู่ในความทรงจำผู้คนมากเป็นพิเศษ ซึ่งแบรนด์ไทย ๆ ของเราจะมีมาสคอตไหนสร้างภาพจำได้บ้าง มาดูกัน!
พี่ก้อน
Bar B Q Plaza
ใครเป็นสายปิ้งย่างและรอโปรบุฟเฟ่ต์ที่ท่าน้ำอยู่ทุกเดือน หากเป็น “ตัวจริง อร่อยจริง เรื่องปิ้งย่าง” ต้องคุ้นเคยกับ ‘พี่ก้อน’ มังกรตัวเขียวหน้าร้านบาร์บีคิวพลาซ่าแน่นอน เพราะพี่ก้อนอยู่ทุกที่ไม่ว่าจะเป็นหน้าร้าน บนเมนู กระดาษรองจาน หรือโฆษณาทุกตัวก็ตาม
ซึ่งนอกจากจะมีการดีไซน์ที่มีสีสันจดจำง่ายแล้ว พี่ก้อนยังสร้างภาพจำได้ดีให้กับใครหลาย ๆ คนด้วย เพราะหากนึกถึงร้านปิ้งย่างบาร์บีก้อน ก็ต้องมีหน้าพี่ก้อนขึ้นมาก่อนแน่นอน
แต่นอกจากพี่ก้อนแห่งบาร์บีคิวพลาซ่าแล้ว น้อง “คามะจัง” ที่เป็นลุกชิ้นปลาสไตล์ญี่ปุ่น ตัวแทนแห่งการให้ก็แมสไม่แพ้กัน เพราะเป็นเมนูที่ใครมากินก็ต้องสั่งนั่นเอง ซึ่งเวลาอยู่คู่กับพี่ก้อนแล้วน่ารักจนใจฟูเลยทีเดียว
พี่โก๋
โก๋แก่
หากพูดถึงขนมถั่วที่ “มันทุกเม็ด” อร่อยทุกยุค ก็คงไม่พ้นแบรนด์โก๋แก่ที่มี ‘พี่โก๋’ เด็กผู้ชายใส่แว่นหัวฟูในชุดยูโดสีขาวอันเป็นเอกลักษณ์ สะท้อนการเป็นแบรนด์คาแรกเตอร์ที่มัน และกวน เข้าได้กับทุกยุคสมัยเป็นอย่างดี เพราะชื่อมาจากคำว่า ‘จิ๊กโก๋’ ผสมกับ ‘แก่’ นั่นเอง
แถมชื่อแบรนด์ที่มีเพียงแค่สองพยางค์ และออกเสียงด้วยพยัญชนะเดียวกันก็ทำให้ยิ่งจำง่ายเข้าไปใหญ่ ซึ่งแม้จะเริ่มจำหน่ายในปี พ.ศ. 2519 แต่ในปี 2023 ก็ยังเป็นขนมถั่วลิสงอบกรอบแบรนด์ไทยที่เป็น Top of Mind ที่แก่แต่เก๋าอยู่
น้องอุ่นใจ
AIS
สำหรับน้องอุ่นใจที่อยู่เคียงข้าง AIS มาอย่างยาวนาน เพราะเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์มาตั้งแต่ปี 2548 สมัยยังเป็นสีน้ำเงิน มาจนถึงยุคที่น้องอุ่นใจรีดีไซน์ใหม่เป็นสีเขียว พร้อมนิ้วมือครบทั้ง 5 นิ้ว! เรียกได้ว่ามีวิวัฒนาการมาตามยุคสมัย และเร็วแรงตามอินเทอร์เน็ตมากเลยก็ว่าได้
ซึ่งแต่เดิมแล้วน้องอุ่นใจเวอร์ชันแรกเน้นการเข้าถึงผู้ใหญ่ และมีอายุ กลับกันในตอนนี้น้องอุ่นใจถูกปรับให้มีความทันสมัย และซอฟต์ลง พร้อมเข้าถึงในลูกค้าทุก ๆ เจนมากขึ้นแล้ว นอกจากนี้ยังมี Virtual Influencer อย่าง ‘Ai Ailyn’ และ ‘แบมแบม’ เป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์สร้างภาพจำให้กับแบรนด์ AIS ด้วย
เถ้าแก่น้อย
เถ้าแก่น้อย
อาณาจักเถ้าแก่น้อยที่เริ่มต้นโดย ‘อิทธิพัทธ์ พีระเดชาพันธ์’ หรือที่เรียกกันว่า ‘ต๊อบ เถ้าแก่น้อย’ เป็นผู้ริเริ่มแบรนด์สาหร่ายทอดกรอบที่ไม่อมน้ำมันเจ้าแรกในประเทศไทย จนกลายเป็นแบรนด์ที่ใครมาเที่ยวไทยก็ต้องซื้อติดมือกลับประเทศไปในปัจจุบัน
ซึ่งชื่อแบรนด์เถ้าแก่น้อยนี้ ก็สามารถสร้างภาพจำแบรนด์ได้เป็นอย่างดี เพราะคาแรกเตอร์มีความเป็นเถ้าแก่น้อยมาก ๆ รวมถึงการสร้างอาณาจักรที่มีทั้งสาหร่ายอบกรอบ เกม จนถึงของสะสมต่าง ๆ ก็ยิ่งทำให้สมกับฉายาวัยรุ่นพันล้านไปอีก
อู๋กะโจ้
โอ้กะจู๋
‘โอ้กะจู๋’ ชื่อนี้มาจากการเล่นคำของชื่อ โจ้–จิรายุทธ ภูวพูนผล และ อู๋-ชลากร เอกชัยพัฒนกุล ที่สานต่อการเรียนเกษตร มาเป็นร้านอาหารที่ทำมาจากฟาร์มผักออแกนิกส่งต่อความสุขแบบสุขภพดีให้คนไทย กลายเป็นแบรนด์อาหารในใจของผู้บริโภคยุคนี้
ซึ่งสโลแกนร้านอย่าง “ปลูกผักเพราะรักแม่” ก็เป็นตัวชูแบรนด์ได้ดีว่าแบรนด์ตั้งใจที่จะทำให้ทุก ๆ เมนูเปรียบเสมือนอาหารเพื่อคนในครอบครัวด้วยนั่นเอง ซึ่งการใส่คาแรกเตอร์เจ้าของร้านเข้าไปในมาสคอต หน้าร้าน และโปรดักต่าง ๆ ก็ยิ่งเป็นการกระตุ้นย้ำถึงความเป็น Top of Mind ด้านอาหารสุขภาพด้วย
น้องมั่งมี
Krungsri
หลาย ๆ คนคงคุ้นตามาสคอตไลน์เต้นสุดตื๊ดได้ เพราะเพียงแค่เพลงขึ้นเราก็จะได้เห็นลีลาสุดเทพของเจ้ากล้วยกรุงศรี หรือ ‘น้องมั่งมี’ ทันที ซึ่งน้องนั้นไม่ได้แมสที่ประเทศไทยอย่างเดียว แต่คลิปโชว์ลีลาแดนซ์ก็ยังเป็นไวรัลไปถึงต่างประเทศด้วย
ซึ่งการออกสเต็ปของน้องมั่งมีทำเอามาสคอตตัวอื่น ๆ ต่างต้องไปอัปสกิลการแดนซ์มาแข่งหน้าเวทีกันเลยทีเดียว แต่นอกจากนี้น้องกล้วยกรุงศรียังมีเพื่อนใหม่อย่างน้องหมีบิลลี่ และน้องหมีเบลล่ามาร่วมแจม นับว่าเป็นการสร้างภาพจำแบรนด์จากมาสคอตได้ดีมาก ๆ เพราะใช้ประโยชน์จากความไวรัลกระจายสูา Social Voice ทำให้คนอยากรู้จักแบรนด์มากขึ้นไปด้วย
แม่มณี
SCB
โดยส่วนใหญ่แล้วมาสคอตมักจะดึงดูดความสนใจกับผู้บริโภค แต่ไม่ใช่กับ ‘แม่มณี’ เพราะเป็นของมงคลที่ผู้ประกอบการทุกร้านต้องมี! เนื่องจากมีความเชื่อว่านางกวักแม่มณีจะช่วยให้ร้านค้านั้น ๆ ขายดี สมกับที่ตั้งชื่อคล้าย มันนี่ (Money) นั่นเอง
แต่ในความเชื่อนั้น ความจริงก็คือผู้คนเริ่มเข้าสู่ยุคการจับจ่ายด้วยดิจิทัล และการสแกน QR Code มากขึ้น เลยทำให้แม่มณีขายดีติดตลาดไว โดยมีด้วยกัน 3 ปาง ขึ้นอยู่กับช่วงที่ผลิต ซึ่งแม่มณีชยานั้นมีการันตีว่าปลุกเสกมาแล้ว เพื่อวางให้ร้านค้าได้รับทรัพย์ และกำไรเยอะ ๆ ซึ่งเป็นกลยุทธ์ที่เบลนอินเข้ากับความเชื่อของคนไทนได้เป็นอย่างดีเลยทีเดียว
น้องฟีว์
PHOENIX.LAVA
เพราะสมัยนี้การอยู่ด้วยสูตรขนมที่อร่อย และเครื่องดื่มที่น่าจดจำนั้นยาก เนื่องจากคาเฟ่หลายรูปแบบเริ่มผุดมามากขึ้น จึงเป็นเหตุให้ร้านฟีนิกซ์ลาวาเริ่มสร้างคาแรกเตอร์ ‘น้องฟีว์’ เด็กผู้ชายที่จะเติบโตไปพร้อมกับฟีนิกซ์ลาวานั่นเอง
แม้ใครจะยังไม่เคยกิน แต่สิ่งที่เตะตาและทำให้ต้องกลับมาลองลิ้มรสชาติซาลาเปาอีกก็ต้องเป็นน้องฟีว์แน่นอน เพราะลักษณะตัวกลมขาว ปาก และเท้าสีเหลืองนั้นน่ารักมาก ๆ แถมยังเหมาะใช้กับการเป็นคาแรกเตอร์ร้าน และทำ Merchandise ต่าง ๆ ขายควบคู่กันไปด้วย
ซึ่งมีต้นแบบแรงบันดาลใจในการดีไซน์มาจากเจ้า Chocobo ในเกม Final Fantasy ที่แตกต่างจากร้านซาลาเปาอื่น ๆ ที่มีเพียงแค่ตัวอักษรสไตล์จีนสีแดงเท่านั้น เพราะฟีนิกซ์ลาวาให้ความรู้สึกเป็นแบรนด์ที่เฟรนด์ลี่ และเข้าถึงง่ายต่อผู้บริโภคมากกว่า
จากมาสคอตทั้งหมดจะเห็นได้ว่าแต่ละตัวมีเรื่องราว และความตั้งใจในการสร้างเอกลัษณ์กับภาพจำในแบรนด์ต่างกัน แต่สิ่งที่เหมือนกันคือ การแสดงตัวตนของแบรนด์ที่ชัดเจน
ทำให้บางแบรนด์สามารถอยู่รอดได้มาจนถึงยุคนี้ แม้จะต้องปรับเปลี่ยนสูตรไปตามสมัย กับบางแบรนด์ที่แม้จะเป็นน้องเล็กมาใหม่ แต่ก็เป็นแบรนด์ที่แข็งแรงได้เช่นกัน ซึ่งในอนาคตอาจทำให้หลาย ๆ แบรนด์ในไทย ไปสร้างความประทับใจเช่นเดียวกับมาสคอตที่ญี่ปุ่น หรือต่างประเทศก็เป็นได้