แม้ Meta จะเป็นแพลตฟอร์มใหญ่ที่มีข้อมูลผู้ใช้กว่า 3 พันล้านคนแล้ว แต่สุดท้ายก็ยังต้องพึ่งพาข้อมูลภายนอกเพื่อพัฒนาโมเดล AI อยู่ ส่งผลให้ล่าสุด Meta ต้องเผชิญคดีในสหรัฐฯ เนื่องจากการใช้เนื้อหาที่มีลิขสิทธิ์โดยไม่ได้รับอนุญาตในการนำมาเทรน Llama ซึ่งเป็น AI ของ Meta
รวมถึงสมาคมสำนักพิมพ์ฝรั่งเศส (SNE) ซึ่งเป็นตัวแทนของสำนักพิมพ์รายใหญ่อย่าง Hachette และ Editis ได้ร่วมกับสมาคมนักเขียน SGDL และสหภาพนักเขียน SNAC ในการยื่นฟ้องต่อศาลด้านทรัพย์สินทางปัญญาในปารีสเมื่อวันพุธที่ผ่านมา ในข้อหาที่ Meta ละเมิดลิขสิทธิ์โดยการใช้หนังสือของพวกเขาโดยไม่ได้รับอนุญาตอีกด้วย
โดยทั้งกลุ่มนักเขียนในสหรัฐฯ และสำนักพิมพ์ฝรั่งเศสพบว่าเนื้อหาที่ AI ของ Meta สร้างออกมามีความคล้ายคลึงกับผลงานของพวกเขา ซึ่งเป็นตัวชี้ว่าข้อมูลเหล่านี้ถูกดึงมาจากแหล่งละเมิดลิขสิทธิ์ สาเหตุอาจเป็นเพราะ OpenAI เติบโตขึ้นอย่างก้าวกระโดดตั้งแต่ปี 2022 ทำให้ Mark Zuckerberg เจ้าของ Meta ต้องการพัฒนาโมเดล AI ของ Meta ให้เป็นคู่แข่งของ OpenAI
ซึ่งการเร่งพัฒนา AI ของตัวเองให้ตามทัน OpenAI ต้องอาศัยข้อมูลเพิ่มเติมมากมาย The New York Times รายงานว่าก่อนหน้านี้ Meta ได้มีการประชุมภายในและเสนอแนวคิดซื้อลิขสิทธิ์หนังสือเล่มละ 10 ดอลลาร์ หรือซื้อสำนักพิมพ์ Simon & Schuster นอกจากนี้ Meta ยังมีการหารือเกี่ยวกับการรวมรวบข้อมูลเพิ่มเติมจากหนังสือ บทความ และผลงานอื่น ๆ จากอินเทอร์เน็ตโดยไม่ได้รับอนุญาต แม้จะเสี่ยงต่อการโดนฟ้องร้องก็ตาม
จนในที่สุด Meta ก็มีการใช้ข้อมูลที่ละเมิดลิขสิทธิ์ทั้งที่รู้ว่าเข้าข่ายผิดกฎหมาย เนื่องจากข้อมูลของผู้ใช้งานบนแพลตฟอร์มไม่เพียงพอต่อการเทรน AI ด้วยปัจจัยต่าง ๆ เช่น ผู้ใช้มักลบโพสต์เก่า, โพสต์ส่วนใหญ่มีเนื้อหาสั้น ซึ่งไม่เหมาะกับการฝึกโมเดลภาษา และรูปแบบการเขียนไม่ตรงกับลักษณะของแชตบอตที่ต้องการข้อมูลที่เป็นทางการ เป็นต้น
Meta จึงต้องการแหล่งข้อมูลใหม่ และต้องเผชิญกับคดีความตามที่กล่าวไปข้างต้น ซึ่งหากศาลตัดสินให้ Meta จ่ายค่าชดเชย ในอนาคตสำนักข่าวทั่วโลกอาจฟ้องดำเนินคดีในลักษณะเดียวกันเพื่อเรียกร้องค่าเสียหาย และอาจส่งผลให้ Meta ต้องเผชิญกับคดีความจำนวนมากได้
เช่นเดียวกัน OpenAI ที่ประสบปัญหาเรื่องการใช้เนื้อหาละเมิดลิขสิทธิ์ในรูปแบบเดียวกัน แม้จะเป็นความเสี่ยงในการถูกฟ้องร้องและเรียกค่าปรับจำนวนมาก แต่ท้ายที่สุดบริษัทที่เข้าถึงแหล่งข้อมูลที่ดีที่สุดจะได้เปรียบในการพัฒนา AI เพราะได้ผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพและแม่นยำกว่า นี่จึงอาจเป็นสาเหตุที่ทั้ง Meta และ OpenAI กล้าเสี่ยงในครั้งนี้
อย่างไรก็ตามการละเมิดลิขสิทธิ์ถือเป็นสิ่งที่ผิดกฎหมาย และจะถูกนำเข้าสู่กระบวนการพิจาณคดี ซึ่งอาจกินเวลาหลายปี รวมถึงระหว่างนั้นกฎหมายเกี่ยวกับการฝึก AI อาจเปลี่ยนแปลงไป ซึ่งอาจส่งผลต่อผลลัพธ์ของคดีความในอนาคตก็เป็นได้ ส่วนข้อสรุปของเรื่องนี้จะเป็นอย่างไรคงต้องติดตามกันต่อไป
ที่มา: SocialMediaToday