หลังจาก Facebook ได้เปลี่ยนชื่อมาเเป็น Meta ก็เหมือนกับว่าประตูแห่งการเชื่อมต่อระหว่างผู้คนบนโลกโซเชียลก็ได้ถูกเปิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นทางด้านธุรกิจ การเงินและการลงทุน และด้านความบันเทิงต่าง ๆ ก็เกิดการเปลี่ยนแปลงไป ทางแบรนด์หรือครีเอเตอร์จึงเริ่มมีการคำนึงถึงไอเดียและคอนเซ็ปต์ที่เน้นการมีส่วนร่วมแบบเสมือนจริงมากขึ้นบนโลกออนไลน์ แต่นั่นเป็นแค่มุมมองหนึ่งจากเหล่าคอนเทนต์ครีเอเตอร์เท่านั้น วันนี้ทาง RAiNMaker เลยอยากพามาสำรวจในมุมมองของผู้บริโภคกันบ้างว่าคาดหวังอะไรจากโลกของ Metaverse!
เพราะการเข้ามาของโลกเสมือนจริงหรือ Metaverse ทำให้หลายคนเกิดความสงสัยว่ามันจะมาแทนโลกโซเชียลได้หรือเปล่า? ซึ่งจากผลสำรวจของชาวอเมริกันกว่า 55% ยังไม่เข้าใจว่าโลก Metaverse คืออะไร และมีเพียงแค่ 14% เท่านั้นที่สามารถอธิบายความหมายของโลก Metaverse ได้ โดยมีกลุ่มคนถึง 66% เชื่อว่าโลก Metaverse จะเข้ามาแทนที่โซเชียลมีเดียในแบบที่ค่อย ๆ แทรกซึมกับชีวิตประจำวันของเราบางส่วนอย่างช้า ๆ จนกลายเป็นความเคยชิน
ซึ่งแม้จะมีทั้งกลุ่มคนที่ไม่เข้าใจและเข้าใจ การเปลี่ยนผ่านจากโซเชียลมีเดียที่เชื่อมต่อกันได้ไปสู่โลกเสมือนจริงที่สามารถใส่ตัวเองเข้าไปในโลกออนไลน์นั้น สักวันหนึ่งทุกคนก็จะได้สัมผัสมันในวันข้างหน้าไม่ช้าก็เร็วอยู่ดี เช่นเดียวกับการเริ่มต้นของโซเชียลมีเดียที่ตอนนี้กลายเป็นอวัยวะที่ 33 ของผู้คนไปแล้ว
แต่การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ก็ยังคงนำมาซึ่งความวิตกกังวลของผู้คนในหลาย ๆ เรื่องเพราะไม่ว่าจะเป็นแบรนด์หรือเหล่าครีเอเตอร์รวมไปถึงผู้คนทั่วไป ต่างก็ต้องปรับตัวเพื่อตามโลกใหม่ให้ทันเช่นเดียวกัน
โดยกว่า 87% ของผลสำรวจพบว่าผู้คนกังวลเกี่ยวกับเรื่องความเป็นส่วนตัวหาก Facebook ประสบความสำเร็จในการสร้างโลกเสมือนหรือ Metaverse ได้จริง เพราะมันจะง่ายต่อการเข้าถึงข้อมูลในการสร้างตัวตนหรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล นำไปสู่การแฮกหรือโจรกรรมข้อมูลที่มีช่องโหว่ รวมไปถึงการถูกหลอกจากคนอื่น ๆ ที่เข้ามาในโลกเสมือนเช่นเดียวกันกับพวกเขา เพราะอาจจะปกปิดข้อมูลตัวตนจริงหรือปลอมแปลงได้ง่ายขึ้นด้วย
แต่แม้ข้อกังวลและข้อกังขาเกี่ยวกับโลก Metaverse นี้จะมีมากมาย ผู้คนก็อยากที่จะเป็นอิสระจากโลกความจริงที่เผชิญกันอยู่ โดยการใช้โลกเสมือนแห่งนี้ในการสร้างตัวตนใหม่ขึ้นมา และอยากที่จะใช้มันสื่อสารกับผู้อื่นแบบไร้พรมแดนมากขึ้น รวมถึงหากมีแบรนด์ไหนเริ่มก้าวเข้ามาสู่โลกเสมือนในการทำกลยุทธ์การตลาดแล้ว พวกเขาก็คาดหวังที่จะได้รับอะไรใหม่ ๆ เช่นกัน แต่ความต้องการของผู้บริโภคเหล่านั้นจะมีอะไรบ้าง? ตามไปดูกันเลย!
เปิดประสบการณ์ใหม่ที่ชีวิตจริงให้ไม่ได้
เพราะชีวิตจริงเต็มไปด้วยความเหนื่อยล้าในการแก้ไขปัญหา จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่ผู้คนอยากจะหนีออกจากมันไปยังโลกที่ดีกว่า หรือมีอิสระในการใช้ชีวิตในแบบที่ตัวเองต้องการมากกว่า ดังนั้นประสบการณ์ใหม่ ๆ ที่ชีวิตจริงให้ไม่ได้จึงเป็นสิ่งที่พวกเขาคาดหวังว่าจะได้เจอเมื่อได้ก้าวเข้าไปยังโลก Metaverse นั่นเอง
ซึ่งประสบการณ์ใหม่ ๆ ที่ว่านั้นต้องสามารถสร้างการมีส่วนร่วมระหว่างร่างกายของผู้คนและโลกดิจิทัลได้อย่างสมจริง จึงมีบางแบรนด์เริ่มที่จะสร้างประสบการณ์ให้ลูกค้าผ่านเครื่องมือหรือเทคโนโลยีต่าง ๆ บ้างแล้ว เช่น AR หรือ VR ในการให้ลองสินค้าแบบเสมือนจริงเป็นต้น
มีพื้นที่ให้จำลองการใช้ชีวิตเสมือนจริง
โลกอินเทอร์เน็ตอาจจะยังไม่เพียงพอต่อการได้สื่อสารแบบไร้พรมแดน เนื่องจากการสร้างสังคมและการสร้างความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์ด้วยกันนั้นเริ่มที่จะอยากมีความใกล้ชิดที่สมจริงมากขึ้น ดังนั้นการมีพื้นที่หนึ่งหรือโลกที่สร้างขึ้นเพื่อให้ผู้คนได้แสดงความเป็นตัวเองมากขึ้นจากการจำลองการใช้ชีวิตประจำวันจึงเป็นสิ่งที่ตอบโจทย์มากที่สุด
เพราะนอกจากจะได้รู้จักและสื่อสารกับผู้คนใหม่ ๆ แล้ว ยังสามารถแชร์ไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตระหว่างกันได้มากขึ้นด้วย พื้นที่ในโลก Metaverse จึงเป็นมากกว่าพื้นที่ทำให้คนมาทำความรู้จักกัน แต่เป็นพื้นที่ที่ทำให้เราได้เรียนรู้กันและกันมากขึ้นผ่านตัวอวตารหรือโลกเสมือนนั่นเอง
สำหรับแบรนด์ในอนาคตก็จะเริ่มมีการสร้างพื้นที่เสมือนสำหรับการจับจ่ายสินค้า หรือได้ลองสินค้าให้ผู้บริโภคได้สัมผัสเหมือนกับชีวิตจริงมากขึ้น นอกจากจะเป็นการสร้างประสบการณ์ที่ดีระหว่างผู้บริโภคกับแบรนด์แล้ว แบรนด์ยังสามารถแทรกซึมไปในไลฟ์สไตล์ตามความต้องการของผู้บริโภคที่แตกต่างกันได้อีกด้วย
สร้างตัวตนที่แตกต่างแต่เป็นส่วนหนึ่งกับผู้คน
ในโลกโซเชียลเราได้เห็นความแตกต่างของผู้คนมากมาย การที่อยากแตกต่างจากเดิมในแบบที่ตัวเองเคยเป็นจึงกลายเป็นปัจจัยสำคัญในโลก Metaverse แห่งนี้ เพราะไม่ว่าใครก็อยากมีเอกลักษณ์เป็นของตัวเองโดยที่ไม่ซ้ำกับใคร การมีพื้นให้แสดงตัวตนโดยที่ไม่ต้องคำนึงถึงกรอบในสังคมจึงเป็นอิสระที่ใครหลาย ๆ คนหวังเอาไว้
หากในโลกของแบรนด์สามารถสร้างความรู้สึกแตกต่างนี้ให้กับผู้บริโภคได้ โดยการทำให้พวกเขารู้สึกพิเศษ หรือมีสินค้าที่สามารถให้พวกเขา Custom ได้ในแบบของตัวเอง ก็ยิ่งจะมัดใจได้ง่ายขึ้น แต่ความแตกต่างเฉพาะตัวนี้ต้องทำให้ผู้บริโภคได้รู้สึกเป็นส่วนหนึ่งกับสังคมหรือกลุ่มคนอื่น ๆ ในโลก Metaverse ด้วย
เผชิญกับโลกที่ตัวเองเลือกได้
อิสระในโลก Metaverse มีทั้งการสร้างตัวตนที่คล้ายกันกับตัวเราเองหรือตัวตนที่สร้างขึ้นเพื่ออยากเริ่มต้นใหม่ แต่สิ่งที่ผู้บริโภคต้องการเหมือนกันคือต้องเป็นโลกเสมือนที่ตัวเองสามารถเลือกที่จะจำลองการใช้ชีวิตอยู่ในนั้นได้ในแบบที่ทำให้มีความสุขมากกว่าโลกในชีวิตจริง
สำหรับแบรนด์ที่จะต้องปรับตัวเพื่อให้ตอบโจทย์กลุ่มคนในโลก Metaverse มากที่สุด การสร้างประสบการณ์เกี่ยวกับสินค้าจึงต้องเพิ่มการจำลองโลกของแบรนด์หรือครีเอเตอร์เพื่อให้ผู้บริโภครู้สึกมีส่วนร่วมด้วย เช่น การจำลองคอนเสิร์ตแบบ Metaverse จะไม่ได้มีแค่การทำให้ภาพสมจริง แต่สภาพแวดล้อมและบรรยากาศ รวมถึงอวตารของศิลปินที่สร้างขึ้นก็ต้องทำให้ผู้บริโภครู้สึกเหมือนกับตัวเองได้เข้าไปดูคอนเสิร์ตจริง ๆ นั่นเอง
และเพราะโลกเสมือนไม่ได้มีแค่ผู้สร้างเท่านั้นที่อยากจะสร้างอะไรให้เกิดขึ้นก็ได้ แต่ผู้คนทั่วไปก็สามารถเลือกได้เช่นกันว่าอยากมีส่วนร่วมกับโลกเสมือนแบบไหน ดังนั้นแบรนด์ควรศึกษาพฤติกรรม, ความต้องการไปจนถึงความคาดหวังของกลุ่มเป้าหมายให้ดี เพราะพวกเขาคือกลุ่มคนที่จะกำหนดทิศทางใหม่ให้กับแบรนด์
เพิ่มโอกาสในการเรียนรู้
การเรียนรู้ไม่ว่าจะเป็นการเรียนการสอน หรือการที่โลก Metaverse เริ่มเข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวันของเรา เพื่อสร้างการเชื่อมต่อและโอกาสต่าง ๆ ในการเข้าถึงของผู้คน ทำให้เกิดการคาดหวังเกี่ยวกับการเรียนรู้และศึกษาเพิ่มขึ้น เพราะการเรียนรู้ไม่ได้มีอยู่ตามโรงเรียนหรือมหาลัยเท่านั้น
หากโลก Metaverse คำนึงถึงความสำคัญในการสร้างประสบการณ์เสมือนจริงให้กับผู้บริโภค เรื่องการเรียนรู้ก็ควรจะกลายเป็นสิ่งที่ทำให้ทุกคนเข้าถึงได้ทุกที่ด้วยซึ่งในแง่การเรียนรู้กับแบรนด์ก็สามารถนำไปใช้ประโยชน์ให้ผู้บริโภคได้เรียนรู้และเข้าใจในแบรนด์มากขึ้นได้ เช่น เผยขั้นตอนหรือการทำงานของแบรนด์บางส่วนให้พวกเขารู้สึกมีส่วนร่วม หรือการได้เรียนรู้ความเป็นมาของแบรนด์ เพื่อสร้างการรับรู้ (Awareness) และความภักดี (Loyalty) ต่อแบรนด์ในระยะยาวได้
จาก 5 สิ่งที่ผู้บริโภคต้องการในโลก Metaverse บ่งบอกได้ว่าพวกเขาอยากจะมีส่วนร่วมและได้เชื่อมต่อใกล้ชิดกันมากขึ้น หน้าที่ของแบรนด์หรือเหล่าครีเอเตอร์จึงควรให้ความสำคัญกับการสร้างประสบการณ์แบบจำลองในโลกเสมือนให้มากที่สุด
แม้ Metaverse กับประเทศไทยในตอนนี้อาจจะฟังดูไกลตัว แต่ในอนาคตอันใกล้เราเชื่อว่าการเตรียมพร้อมโดยเริ่มจากการทำความเข้าใจ และวางแผนล่วงหน้าก่อนใคร จะทำให้แบรนด์และเหล่าครีเอเตอร์พร้อมรับมือกับความเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วนี้ได้อย่างแน่นอน
ที่มา: Social Media Today / NordVPN