แม้ตลาดสตรีมมิงอย่าง Netflix จะเริ่ม Disrupt ตลาดโทรทัศน์ และสื่อต่าง ๆ ได้ แต่ในปัจจุบันสถานการณ์ก็ไม่สู้ดีนัก เพราะมีการยกเลิกสมัครสมาชกเป็นจำนวนมาก ทำให้นักวิเคราะห์เริ่มมองว่า Netflix ควรจะต้องปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ให้เข้ากับพฤติกรรมของผู้ชมมากขึ้น
โดยปกติแล้ว Netflix จะมีการปล่อยซีรีส์เรื่องหนึ่งอย่างต่อเนื่อง ที่เรียกว่าแบบ ‘binge watch’ ซึ่งสามารถออกฉายได้รวดเดียวจบ ขึ้นอยู่กับว่าผู้ชมแต่ละคนจะรับชมจบตอนไหน เมื่อไหร่ก็ได้
ต่างจากแพลตฟอร์มสตรีมมิงคู่แข่งอย่าง Disney+ ที่ปล่อยซีรีส์สลับกัน และปล่อยออกมาทีละตอนเพื่อดึงกระแส และรักษาผู้ชมจนกว่าจะจบซีซีน
ซึ่งหากนำมาเปรียบเทียบกันแม้การปล่อยซีรีส์มารวดเดียวจะทำให้เรียกกระแส และเป็นที่รู้จักในวงกว้างอยู่พักหนึ่ง แต่ในผลลัพธ์ระยะยาวทำให้ซีรีส์เก่า ๆ และการกลับมาดูซ้ำของผู้ชมนั้นน้อยลง และคอนเทนต์ออริจินัลของ Netflix ก็ยังไม่ได้มีความนิยมถึงขนาดนั้น
นี่จึงเป็นเหตุผลที่ทำให้นักวิเคราะห์มองว่ากลยุทธ์ที่ใช้มาอย่างยาวนานของ Netflix เริ่มใช้ไม่ได้แล้ว เพราะผู้ชมอาจสมัครเพื่อให้ได้ดูเรื่องที่รอคอยกันเพียงแค่เดือนเดียวเท่านั้น ต่างจาก Disney+ ที่วางแผนปล่อยซีรีส์สลับกันไปตลอดทั้งปีให้สมาชิกยังคงอยู่กับแพลตฟอร์มได้
แต่จากซีรีส์เรื่อง Stranger Things ซีซัน 4 ล่าสุด ทำให้เห็นแล้วว่าการแบ่งพาร์ทฉายนั้นก็เวิร์กกับผู้ชมไม่น้อยเลย เพราะทำให้เกิดการรอคอย ซึ่งเป็นปัญหามาจากสถานการณ์โควิดด้วยที่ทำให้การถ่ายทำล่าช้า แต่ผลลัพธ์ทำให้รักษาผู้ชมได้มากขึ้น
ซึ่งทาง Netflix จะมีการปรับแนวทาง หรือกลยุทธ์ทางการตลาดเป็นอย่างไร คงต้องรอติดตามกันต่อไป
ที่มา: CNBC