มาตามนัดเรียบร้อยกับฟีเจอร์ Off-Facebook Activity ที่ทาง Facebook ประกาศเปิดตัวเอาไว้เมื่อช่วงปลายปี 2019 ซึ่งช่วยให้มีความโปร่งใสมากขึ้นในเรื่องของการส่งข้อมูล
Off-Facebook Activity คืออะไร?
ต้องเล่าก่อนว่าระบบของ Facebook นั้นอนุญาตให้มีการรับ-ส่งข้อมูลระหว่าง Facebook กับ platform อื่นๆ อย่างเช่นเว็บไซต์ หรือแอปพลิเคชันต่างๆ เพื่อนำข้อมูลกิจกรรมของผู้ใช้ส่งให้กับ Facebook นำไปใช้งานต่อได้
ลองนึกภาพว่าเราอยากได้กระเป๋าหนึ่งใบ เราค้นหาร้านกระเป๋าจาก Google กดดูโน่นดูนี่จากหลายเว็บไซต์ แต่อาจจะปิดออกไปเพราะยังไม่พบรุ่นที่ถูกใจ เมื่อเข้า Facebook ไปไถ feed เล่นๆ ก่อนนอน กลับพบโฆษณากระเป๋าจำนวนมากบน feed
สิ่งนี้เกิดขึ้นจากการที่เว็บไซต์ต่างๆ ส่งข้อมูลมายัง Facebook จนทำให้ระบบทราบว่าผู้ใช้กำลังมองหากระเป๋าใบใหม่อยู่นั่นเอง
Off-Facebook Activity เป็นฟีเจอร์ที่ให้ผู้ใช้สามารถกดเข้าไปดูได้ว่ามีข้อมูลภายนอกส่วนไหนส่งข้อมูลมายัง Facebook ของเราบ้าง รวมถึงการควบคุมข้อมูลได้ตามใจชอบ มีความสามารถหลักดังนี้
- เข้าไปดูข้อมูลจาก platform อื่นที่ส่งมายัง Facebook ผ่าน business tools เช่น Facebook Pixel หรือ Facebook Login
- ลบข้อมูลกิจกรรมทั้งหมดที่เคยมีการส่งมายัง Facebook
- ดาวน์โหลดข้อมูลทั้งหมดลงเครื่อง
- เลือกไม่ให้มีการส่งข้อมูลจากบางแอปฯ หรือบางเว็บไซต์ที่ต้องการ หรือเลือกไม่ให้ส่งทั้งหมดมาที่ Facebook เลยก็ได้
วิธีการใช้งาน Off-Facebook Activity
เข้าที่ : facebook.com/off_facebook_activity
หรือ
- เข้า Facebook ผ่านคอมพิวเตอร์
- ด้านบนขวา เลือกเข้าไปที่หน้า Settings
- แท็ปด้านจะมีตัวเลือก Your Facebook Information
- เลือก View ที่ Off-Facebook Activity
จะพบกับหน้า Off-Facebook Activity ซึ่งจะมีเมนูสำหรับจัดการข้อมูลดังกล่าวที่ด้านขวามือ
เมื่อเราเข้าไปดู จะเห็นรายการต่างๆ ที่มีการส่งข้อมูลกิจกรรมต่างๆ ที่เราทำมายัง Facebook อยู่เสมอ ของผู้เขียนเองมีมากการส่งมามากกว่า 500 แหล่งเลยทีเดียว
ในส่วนที่เราสามารถจัดการข้อมูลได้ทั้งหมดตามต้องการ ตั้งแต่ดาวน์โหลด, ลบข้อมูล, จำกัดการส่งข้อมูลในบางแอปฯ หรือทั้งหมดได้
ปัญหาที่จะตามมาสำหรับนักโฆษณา
นักโฆษณารวมถึงผู้ใช้หลายคนอาจตั้งคำถามว่า ในเมื่อ Facebook ทราบกิจกรรมของผู้ใช้น้อยลง แล้วจะเห็นโฆษณานในปริมาณที่น้อยลงด้วยหรือเปล่า?
แน่นอนว่าคำตอบคือไม่
ผู้ใช้งานยังจะเห็นโฆษณาในปริมาณที่เท่าเดิม แต่ความแม่นยำของโฆษณาจะต่ำลงไปพอสมควร ในเมื่อ Facebook ได้ข้อมูลกิจกรรมของผู้ใช้น้อยลงหรืออาจไม่ได้เลยหากผู้ใช้ปิดการส่งข้อมูล
ระบบจะนำข้อมูลจาก profile ของผู้ใช้สำหรับการเลือกยิงโฆษณาออกไป หากผู้ใช้ไม่ได้อัปเดตข้อมูลส่วนตัว ก็อาจจะทำให้เห็นโฆษณาที่ไม่น่าสนใจได้
ตัวอย่างเช่น ผู้ใช้ที่เป็นนักวิ่ง ใส่ข้อมูล profile ว่าตัวเองชอบกีฬาวิ่ง กดติดตามเพจเกี่ยวกับกีฬาวิ่งไว้จำนวนมาก แต่ถึงแม้ผู้ใช้คนนั้นเลิกวิ่งไปแล้วหลายปี ก็จะยังเห็นโฆษณารองเท้าวิ่งอยู่เป็นจำนวนมาก