6 วิธีสร้างยอด Organic จากคอนเทนต์บน Facebook ฉบับปี 2025

ถึงแม้ว่าช่วงหลังมานี้หลายคนจะบ่นเรื่องการทำคอนเทนต์บน Facebook ว่าปั้นเพจยากบ้าง ยอด Reach ลดบ้าง หรือทำคอนเทนต์เท่าไหร่ก็ไม่แมสซักที เพราะจับทางทำคอนเทนต์ไม่ถูก แต่เราเชื่อว่า Facebook ยังคงเป็นแพลตฟอร์มหลักที่หลายคนใฝ่ฝันอยากจะมีบ้านหลังใหญ่ที่มั่นคงอยู่บนนี้

บางคนอาจเข้าใจผิดว่า Facebook เป็นแพลตฟอร์มเก่าที่ไม่ค่อยมีคนรุ่นใหม่ใช้งานเท่าไหร่นัก แต่ความจริงแล้วคุณคิดผิด! เพราะปัจจุบันยังมีผู้ใช้งาน Facebook ทั่วโลกกว่า 3 พันล้านคนต่อเดือน และมีผู้ใช้งานเฉพาะในไทยราว 60 ล้านคนต่อเดือน*เลยทีเดียว (*ข้อมูลจากงาน FacebookIRL)

เพราะฉะนั้น Facebook ยังคงเป็นหมุดหมายสำคัญของใครหลายคนในการสร้างคอมมูนิตี้และเติบโตบนแพลตฟอร์ม ดังนั้นการเรียนรู้การเปลี่ยนแปลงของอัลกอริทึม และสิ่งที่แพลตฟอร์มโฟกัส ไปจนถึงกลยุทธ์การโพสต์คอนเทนต์แต่ละรูปแบบจึงเป็นสิ่งสำคัญที่เราต้องตามให้ทัน เพื่อที่จะได้เพิ่มยอด Organic Reach บน Facebook ได้แบบไม่ต้องมานั่งกุมขมับทุกวัน

ก่อนอื่นอย่างที่ทุกคนรู้กันดีว่าอัลกอริทึมของ Facebook ได้เปลี่ยนจากการแนะนำโพสต์จากเพื่อนและคนที่เรากดติดตามเป็นหลัก สู่การใช้ระบบ AI แนะนำโพสต์ตามความสนใจของผู้ใช้งานมากขึ้นเหมือนกับ TikTok นั่นหมายความว่ากลุ่มเป้าหมายของเราไม่ได้ถูกจำกัดอยู่แค่คนที่กดติดตามเป็นส่วนใหญ่ แต่มีโอกาสเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายใหม่ ๆ ที่มีความสนใจตรงกับคอนเทนต์ที่เราทำ

วันนี้ RAiNMaker เลยรวบรวม 6 วิธีสร้างยอด Organic Reach ให้กับคอนเทนต์บน Facebook มาฝากกัน! จะมีทริกอะไร และคอนเทนต์รูปแบบไหนที่ควรโฟกัสเป็นพิเศษกันบ้างก็เตรียมจดแล้วนำไปใช้ได้เลย!

เน้นวิดีโอสั้น โฟกัส Reels

อันดับแรกคงหนีไม่พ้นวิดีโอสั้นอย่าง ‘Reels’ ที่ต้องบอกว่ายังคงมาแรงอย่างต่อเนื่อง และ Meta เองก็ผลักดันให้ผู้ใช้งานทั้งทำและดู Reels บนแพลตฟอร์มมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มโปรแกรม Bonus เพื่อจ่ายเงินค่าตอบแทนให้คนที่ทำ Reels หรือเพิ่มแท็บ Video ที่มีแท็บ Reels แยกออกมาให้คนมีส่วนร่วมมากขึ้น

ถึงแม้ว่าเหล่าเครื่องมือ Creation Tools ที่ใช้สำหรับตัดต่อ Reels บน Facebook จะยังสู้ Instagram ไม่ได้ แต่เราก็สามารถแก้เกมโดยการ Cross-post คลิป Reels จาก Instagram มาบน Facebook เพียงแค่อย่าลืมปรับแคปชันให้เหมาะกับแต่ละแพลตฟอร์มและดูความยาวคลิป เนื่องจาก Reels บน Facebook จะจำกัดความยาวอยู่ที่ 90 วินาทีเท่านั้น

วิธีนี้นอกจากจะทำให้ประหยัดเวลาในการทำคลิปแล้ว ยังเป็นการขยายฐานกลุ่มเป้าหมายทั้งสองแพลตฟอร์มอีกด้วย สำหรับคำแนะนำอื่น ๆ ในการทำคลิป Reels บน Facebook จะมีความคล้ายกับการทำคลิปวิดีโอสั้นทั่วไป ที่ต้องฮุกคนดูให้ได้ตั้งแต่ 3 วินาทีแรก เพื่อให้คนกดดูคลิปต่อ รวมถึงคลิปที่มีความยาว 30 – 60 วินาที เป็นความยาวที่กำลังดีสำหรับการรับชม Reels บน Facebook หากใครที่กำลังปั้น Reels บนเพจก็ลองนำทริกนี้ไปปรับใช้ดูได้เช่นกัน

แนะนำใช้รูปจริงมากกว่า AI

ในโลกที่คอนเทนต์ขับเคลื่อนด้วย AI หลายแพลตฟอร์มได้นำเทคโนโลยี AI เข้ามาช่วยในการสร้างสรรค์คอนเทนต์ ซึ่งในขณะเดียวกันก็ต้องคอยระมัดระวังในเรื่องการใช้งานควบคู่ไปด้วย เช่นเดียวกับ Meta ที่ถึงแม้จะมี Meta AI ที่สามารถป้อนคำสั่งให้สร้างรูปออกมาได้ แต่แพลตฟอร์มก็ยังมีป้ายกำกับเพื่อระบุรูปที่สร้างด้วย AI เพื่อแสดงถึงความโปร่งใส และป้องกันความเข้าใจผิดของผู้ใช้งานนั่นเอง

แม้ Facebook จะเริ่มหันมาโฟกัสคอนเทนต์ที่สร้างด้วย AI โดยเฉพาะรูป แต่ Mari Smith ผู้เชี่ยวชาญด้าน Facebook Marketing ได้แนะนำว่าการใช้รูปจริงในวันที่แพลตฟอร์มโฟกัส AI จะทำให้คอนเทนต์ของเราโดดเด่นออกมามากขึ้น พร้อมทั้งยังแนะนำให้ใช้รูปขนาด 4:5 เพื่อการแสดงผลที่ดูดีบนหน้าฟีด และแนะนำให้แปะลิงก์ในคอมเมนต์แรกเมื่อโพสต์รูปมากกว่าการแปะลิงก์ในโพสต์ไปเลยเพื่อเพิ่มยอด Reach อีกด้วย

โพสต์ Text Background เพิ่มเอนเกจเมนต์

เป็นที่ถกเถียงกันมานานว่าตกลง Facebook ดันยอด Reach สำหรับ Text Background Post จริงหรือไม่ ซึ่งทาง Facebook ก็ได้ออกมาปฏิเสธอย่างชัดเจนแล้วว่าไม่ได้ดันยอด Reach โพสต์ดังกล่าวเป็นพิเศษ เพราะอัลกอริทึมจะโฟกัสที่ตัวเนื้อหาของโพสต์นั้น ๆ มากกว่า

แต่สำหรับสาเหตุที่ทำให้โพสต์ Text Background ดูมียอด Reach และยอดเอนเกจเมนต์มากมาย นั่นอาจเป็นเพราะว่าโพสต์มีสีสันและแพตเทิร์นที่ต่างจากกราฟิกทั่วไปทำให้คนสะดุดตา และด้วยตัวอักษรที่จำกัดทำให้มีเนื้อหาที่สั้นกระชับ อ่านจบได้ไว ยิ่งถ้าใช้คีย์เวิร์ดฮุกคน หรือตั้งคำถามให้หยุดอ่านได้ก็จะยิ่งทำให้คนมีส่วนร่วมกับโพสต์มากขึ้น ซึ่งตรงตามที่ Facebook บอกไว้ว่าอัลกอริทึมจะดูที่คอนเทนต์เป็นหลัก

เพราะฉะนั้นคำแนะนำที่อยากให้ทุกคนลองทำ คือ การโพสต์ Text Background อย่างน้อย 1-2 ครั้งต่อสัปดาห์ เพื่อช่วยสร้างเอนเกจเมนต์ให้โพสต์สลับกับคอนเทนต์หลักที่ทำอยู่ประจำ นอกจากจะช่วยเปลี่ยนบรรยากาศบนหน้าฟีดเราแล้ว ยังช่วยกระตุ้นให้คนมีส่วนร่วมมากขึ้นอีกด้วย

บทความยาวได้ผลดีกับเพจ

บางคนอาจคิดว่าการพลิกวงการคอนเทนต์ของวิดีโอสั้น ส่งผลให้ผู้คนมีพฤติกรรมการเสพคอนเทนต์ที่เปลี่ยนแปลงไปเป็นดูหรืออ่านอะไรที่สั้นลง ซึ่งก็คือความจริงแต่ไม่ใช่ทั้งหมด เพราะคอนเทนต์หรือบทความยาวยังคงได้รับความนิยมกับคนดูกลุ่มใหญ่ โดยเฉพาะเหล่าเพจที่เขียนบทความยาวเป็นหลัก ไม่ว่าจะเป็น การเขียนรีวิว เล่าเรื่องแชร์ประสบการณ์ หรือวิเคราะห์อะไรบางอย่าง

ซึ่ง Mari Smith ค้นพบว่าการโพสต์บทความยาวบนเพจ มักได้ผลตอบรับที่ดีกว่าการโพสต์บน Personal Profiles โดยการเขียนบทความให้ดูโดดเด่นบนหน้าฟีดสามารถทำได้ไม่ยาก เริ่มจากการแบ่งหน้าพารากราฟให้เป็นสัดส่วนที่อ่านง่าย เขียนท็อปปิกบรรทัดแรกให้น่าสนใจ หรือจะเติมอีโมจิเพื่อจัดระเบียบข้อความก็ได้ เพียงเท่านี้ก็จะทำให้บทความยาวไม่น่าเบื่ออีกต่อไป

หรืออีกหนึ่งวิธีคือการใส่รูปประกอบอย่างน้อย 1 รูป เพื่อเพิ่มความน่าดึงดูดบนหน้าฟีด อีกทั้งรูปยังเป็นตัวช่วยทำให้คนเข้าใจและเห็นภาพเนื้อหาชองบทความได้ดีมากขึ้นอีกด้วย

Stories ช่องทางโปรโมตคอนเทนต์หลัก

Stories บน Facebook เป็นอีกหนึ่งเครื่องมือที่หลายคนคาดไม่ถึงว่ามันสามารถช่วยเพิ่มการมองเห็นให้โพสต์หลักบนหน้าฟีดของเราได้ เพราะ Stories อยู่ด้านบนสุด และทุกครั้งที่มีการอัปโหลด Stories ใหม่ ๆ ชื่อของเพจเราก็จะขยับมาข้างหน้าพร้อมกับวงสีฟ้าสะดุดตาที่แจ้งเตือนให้เห็นการอัปเดต

หลายคนจึงเลือกใช้ Stories เป็นช่องทางในการโปรโมตคอนเทนต์ใหม่ที่ลง เพื่อให้เจ้า Stories ทำหน้าที่สร้าง Awareness ให้คนกดเข้าไปดูเพื่อกดตามไปยังโพสต์ต้นทางนั่นเอง นอกจากนี้เรายังสามารถใช้ Stories เป็นเครื่องมือในการสร้างการมีส่วนร่วม ผ่านการใช้เครื่องมือต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น การสร้าง Poll หรือคำถาม, การแปะลิงก์ หรือการติดแท็ก เพื่อเพิ่มเอนเกจเมนต์ให้เพจได้ด้วย

Live มาแรงโดยเฉพาะเทรนด์ Live Shopping

สำหรับอีกหนึ่งคอนเทนต์ที่มาแรงบน Facebook ก็คือ Live ที่หลายสื่อใช้เพจเป็นช่องทางการรายงานข่าวสด, ทำคอนเทนต์สตรีมเกม ไปจนถึงเทรนด์ที่มาแรงอย่างต่อเนื่องอย่าง Live Shopping หรือการไลฟ์ขายของนั่นเอง ซึ่งคนไทยได้ใช้ช่องทาง Facebook ในการไลฟ์ขายของมานานตั้งแต่สมัยที่ยังไม่มี TikTok จึงทำให้เทรนด์ Live Shopping เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ส่วนแบรนด์ไหนที่ยังไม่เคยลองไลฟ์ขายของ บอกเลยว่า Facebook ก็เป็นอีกหนึ่งช่องทางที่ดีในการไลฟ์ อีกทั้งช่องทางการไลฟ์ยังสามารถใช้ถ่ายทดสดงานอีเวนต์แบบเรียลไทม์ได้อีกด้วย หรือใครที่ไม่ถนัดขายของจะทำคอนเทนต์อื่น ๆ เช่น ไลฟ์ทำอาหาร, สอนภาษา หรือดูดวง ก็เป็นแนวทางคอนเทนต์ที่เป็นที่นิยมในหมวดไลฟ์เช่นเดียวกัน

จบไปแล้วกับ 6 วิธีสร้างยอด Organic Reach บน Facebook ที่เราเอามาฝากกัน จะเห็นได้ว่าคอนเทนต์ทุกประเภทบนแพลตฟอร์มสามารถนำมาประยุกต์ใช้งานเพื่อให้โพสต์ของเราเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างเปิดกว้าง สำหรับใครที่ยังไม่เคยลองคอนเทนต์ประเภทไหน แนะนำว่าให้ลองนำไปปรับใช้ในการหาคอนเทนต์ที่ใช่สำหรับเพจและกลุ่มเป้าหมายของตัวเอง เพื่อที่จะดันยอด Reach ให้ตรงตามเป้าที่วางไว้

อ้างอิง: Social Media Examiner

Copyright © 2025 RAiNMaker. All rights reserved.

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save