เมื่อพูดถึงวิดีโอบนโซเชียล ทั้งบน Facebook, Instagram อีกสิ่งหนึ่งที่เราสังเกตว่าไม่มีไม่ได้เลยนั่นก็คือ Subtitle หรือคำบรรยายแสดงสิ่งที่คนกำลังพูดอยู่หรือม้กระทั่งข้อความบรรยายสิ่งที่กำลังปรากฏบนจอ โดยเฉพาะตอนนี้วิดีโอบนโซเชียลกำลังเป็นเทรนด์ที่กำลังมาแรง เมื่อคนดูนิยมใช้เวลาสั้น ๆ ในการชมวิดีโอต่าง ๆ ที่เลื่อนผ่าน Feed
หลายคนคงจะต้องคุ้นชินกับวิดีโอโซเชียลเหล่านี้มาแล้ว แต่ใน Infographic ของ Uscreen Blog ที่อ้างอิงผลรายงานจาก Digiday ได้การรายงานที่น่าสนใจมากก็คือ วิดีโอบนโซเชียล โดยเฉพาะ Facebook นั้น กว่า 85% ถูกเปิดชมโดยไม่มีเสียง
วิดีโอกว่า 85% ถูกเปิดดูโดยไม่มีซับ
รูปแบบของวิดีโอเหล่านี้ ไม่ใช่ว่าเป็นวิดีโอเงียบไม่มีเสียง แต่ตัววิดีโอก็มีเสียงปกตินั่นแหละ ไม่ว่าจะเป็นเสียงพูด เสียงเพลง หรือเสียงประกอบต่าง ๆ แต่คลิปเหล่านี้จะมีการใส่ซับไตเติล บอกว่าคนที่กำลังพูดกำลังพูดอะไรอยู่
หรือถ้าเป็นวิดีโอธรรมดา ๆ ก็จะมีการบรรยายว่าสิ่งที่ปรากฏอยู่บนจอคืออะไร กำลังทำอะไร และส่งผลจะทำให้เกิดอะไร แล้วสรุปว่ายังไง คล้ายกับการเล่าเรื่องประกอบภาพเดียงแต่ว่าภาพนั้นคือวิดีโอที่ปรากฏจริง ๆ
คลิปเหล่านี้นั้นรวมถึงตัวอย่างหนัง ตัวอย่างซีรี่ส์ หรือคลิปสร้างแรงบันดาลใจต่าง ๆ ที่เป็นที่นิยมในการแชร์บน Facebook ด้วย
อะไรทำให้วิดิโอโซเชียลเป็นที่นิยม
สาเหตุที่ทำให้คลิปแนวนี้เป็นที่นิยมก็คงจะเริ่มจากการที่ Facebook เปิด auto-play video โดยที่ให้วิดีโอเล่นโดยขณะที่เรากำลัง scroll หรือเลื่อนผ่านคอนเทนต์นั้นไป ซึ่งเวลาเพียงไม่กี่วินาทีของวิดีโอ อาจจะทำให้เราสงสัยและหยุดดูต่อว่าสิ่งนี้จะเกิดอะไรขึ้น
ก่อนหน้านี้ทีมงาน RAiNMAKER เคยเขียนบทความว่า การทำคอนเทนต์นั้นเปรียบเสมือนการตอบสนองความคาดหวัง และช่วงเวลา 3 วินาทีก่อนที่คลิปของเราจะถูกเลื่อนผ่านไปนั้นสำคัญอย่างมากว่าจะทำให้คนดูดูลิปเราจนจบหรือเปล่า
อย่าลืมว่า Process ที่เล่ามาทั้งหมดนี้ยังไม่มีการพูดถึงเรื่องเสียงเลย เพราะ Facebook จะเล่นเสียงก็ต่อเมื่อเรากดเข้าไปให้วิดีโอเด้งขึ้นมาเล่นเท่านั้น อย่างไรก็ตามคลิปบนโซเชียลจำนวนมากนั้นสามมารถดูได้รู้ปเรื่องโดยที่ไม่ต้องฟังเสียง ก็เนื่องจากการมีคำบรรยายใต้ภาพหรือ Subtitle นี่แหละ
คนอาจจะกำลังเล่นมือถือในจุดที่ไม่สามารถเปิดเสียงได้ เช่น ในรถโดยสาร ในรถไฟฟ้า ในออฟฟิศ หรือแม้กระทั่งบางคนกดปิดเสียงแทบจะตลอดเวลาอยู่แล้ว การที่คนสามารถรับชมคอนเทนต์แบบไม่มีเสียงได้นั้นก็เป็นอีกวิธีการนึงที่จะทำให้คอนเทนต์ของเรารองรับต่อพฤติการรมการใช้งานของคนจริง ๆ
ถ้ายังสงสัยอยู่ละก็ ลองถามตัวเอง ว่าเราเคยได้ยินเสียงใน IG Story ของเพื่อนบ้างหรือเปล่า ? หรือว่าลืมไปแล้วว่า IG Story นั้นก็มีเสียงได้ด้วย เหตุผลนี้แหละ ที่ทำให้เราต้องมาตั้งคำถามตัวเองว่า แล้ววิดีโอของเรา ที่คนเลือกดูมันในแบบไร้เสียงกว่า 85% เรายังจะปล่อยให้คนดูเลื่อนผ่านคลิปของเราไปเพราะไม่รู้ว่าเกี่ยวกับอะไรอยู่หรือเปล่า
เรียบเรียงโดย ทีมงาน RAiNMAKER