ช่องที่นิยามตัวเองเป็นคอมมูนิตี้ของกลุ่มเพื่อนที่รวมเป็นจักรวาล Poocao Channel เริ่มจากจุดตั้งต้นของภูเขาที่อยากหลุดพ้นจากงานประจำ ชักชวนบุญรอดและผองเพื่อน จนขับเคลื่อนให้สามารถสร้างคอนเทนต์เพื่อเสียงหัวเราะ แถมยังสร้างแรงบันดาลใจให้ผู้คนได้มากมายผ่านเอกลักษณ์ของตัวเองที่ไม่เหมือนใคร
หลายคนคงรู้จักช่อง Poocao Channel มาจากตัวของภูเขาและบุญรอดเอง ด้วยความตลกแบบธรรมชาติเหมือนมีเพื่อนมานั่งเล่าเรื่องให้ฟังเลยทำให้ถูกจริตคนดูสมัยนี้ที่ชอบความเรียลได้ไม่ยาก
วันนี้เราจะพามาเจาะลึกถึงเบื้องหลังการทำงานภายใต้คาแรกเตอร์เฮฮา พร้อมพูดคุยเกี่ยวกับความฝันที่จะสร้างจักรวาล Poocao Channel กันค่ะ
จุดเริ่มต้นของ Poocao Channel
เริ่มจากอยากหาจุดที่หลุดจากงานประจำ บวกกับภูเขาเคยทำงานในเอเจนซีมาก่อนเลยรู้สึกว่าตัวเองก็น่าจะลองทำสาย YouTuber ได้ เลยเริ่มชวนเพื่อนมาลองอัดคลิปทำคอนเทนต์ด้วยกันดู เริ่มเรียนรู้การตัดต่อเองจนเกิดเป็น Poocao Channel ขึ้นมา
ใช้ DNA ตัวเองสร้างความต่างในวงการครีเอเตอร์
ถึงแม้จะเพิ่งเริ่มเข้ามาในวงการในช่วงที่มีครีเอเตอร์มากมาย ภูเขาก็ไม่ได้มองจุดนี้เป็นเรื่องยาก เนื่องจากภูเขามองวงการคอนเทนต์เป็นสนามแข่งสำหรับตัวเองมากกว่า เพราะครีเอเตอร์แต่ละคนก็มีจุดยืนที่ต่างกัน
ด้วยความที่คนดูมีตัวเลือกในการเปิดรับคอนเทนต์มากขึ้น ความท้าทายจึงอยู่ที่ต้องทำอย่างไรให้ยังคงเอกลักษณ์ความเป็นตัวเองได้อย่างมั่นคง และถ่ายทอดพลังนั้นให้กับคนดูได้อย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้คนดูเกิด Loyalty กับตนนั่นเอง
ภูเขาเสริมว่าการเปิดรับเทรนด์ใหม่ ๆ หรือยอมเปลี่ยนแปลงบางสิ่งให้เข้ากับ ณ ขณะนั้นเป็นเรื่องที่ดีในการนำมาปรับปรุงพัฒนา แต่ถ้าเอามากดดันจนเสียความเป็นตัวเอง ก็อาจส่งผลต่อช่องในระยะยาวได้ อย่างที่แน่ ๆ คือคนดูจะรู้ว่าเราสูญเสียความเป็นตัวเองไป
ถอดบทเรียนจากชีวิตครีเอเตอร์
ภูเขาเล่าให้เราฟังว่าความคาดหวังคือหนึ่งสิ่งที่ต่างไปมากจากตอนเริ่มทำแรก ๆ เนื่องจากตอนเริ่มก็เริ่มมาด้วยความเป็นตัวเอง 100% ไม่ต้องแบกรับความคาดหวังใด ๆ เท่าทุกวันนี้ ยิ่งเริ่มอยู่ท่ามกลางสปอตไลต์ก็ทำให้ต้องระมัดระวังและคิดหนักมากขึ้นในการทำคอนเทนต์ เพราะคนดูจะมีความคาดหวังมากขึ้น จนบางครั้งทำให้ตัวครีเอเตอร์กดดัน และรู้สึกไม่มั่นคง
นอกจากนี้ บางครั้งครีเอเตอร์มักจะออกแบบคอนเทนต์โดยมีผลลัพธ์เป็นตัวตั้ง จนลืมคิดว่าตัวเองจะสนุกกับคอนเทนต์นั้นจริงหรือไม่ นอกจากนี้การมองเป็นธุรกิจมากเกินไปก็ทำให้ถ่ายทอดออกมาในอีกรูปแบบที่ไม่เป็นธรรมชาติจนคนดูก็อาจสัมผัสได้เช่นกัน เพราะฉะนั้นความสนุก และความจริงใจเลยเป็นสิ่งที่สำคัญมากในการทำคอนเทนต์
ภูเขาย้ำหนักแน่นว่าสิ่งที่ครีเอเตอร์ควรคำนึงคือ ห้ามดูถูกคนดูเด็ดขาด เพราะคนดูสามารถคิดวิเคราะห์ทุกอย่าง แม้เราจะเปลี่ยนไปนิดเดียวแต่คนที่ติดตามตลอดจะดูออกทันที เพราะฉะนั้นจึงควรให้สิ่งที่มีคุณค่าด้วยความจริงใจกับคนดูเสมอ
รวมถึงสิ่งสำคัญในการทำคอนเทนต์คือการคงความสม่ำเสมอ ทั้งในแง่ของความเป็นตัวเอง และความถี่ในการลงคลิป เพื่อไม่ให้ตัวเองหายไปจากกระแสสื่อออนไลน์นั่นเอง
การก้าวข้ามผ่านความกดดัน
ภูเขาเล่าว่าการที่เราจะก้าวข้ามผ่านมันไปได้ เราต้องก้าวถอยหลังไปดูว่าการที่เราประสบความสำเร็จได้เป็นเพราะอะไร กลับไปดูมวลความรู้สึก พลังที่เคยถ่ายทอดไปถึงคนดู เพื่อสำรวจและทบทวนตัวเองว่าอะไรคือสิ่งที่ใช่ อะไรคือสิ่งที่ไม่ใช่
ถ้าหากจุดยืนของตัวเองไม่แข็งแรงมากพอ ช่วงจังหวะที่เกิดความหวั่นไหว ช่วงที่อยากทำทุกอย่างเพื่อตอบสนองความพึงพอใจทั้งคนดูและแบรนด์ จนลืมคิดไปว่าสิ่งนั้นมันค่อย ๆ ลดความเป็นตัวเองลงไปทุกที และคนดูก็อาจจะสัมผัสความรู้สึกนั้นได้เช่นกัน
เมื่อเราสัมผัสได้ถึงความรู้สึกตรงนี้ที่เริ่มคืบคลานเข้ามากลืนกินความเป็นตัวเอง ภูเขาแนะนำให้กลับไปทบทวนตัวเอง ก่อนจะเริ่มไปต่อด้วยความเป็นตัวเองในแบบเดิม
สร้างคอมมูนิตี้เตรียมพร้อมสู่จักรวาล Poocao Channel
ภูเขาให้คำนิยามช่องของตัวเองว่าเป็นคอมมูนิตี้ระหว่างตน กลุ่มเพื่อน และคนดู ที่เชื่อมต่อกันมากกว่าแค่การดูคลิป กดไลก์แล้วผ่านไป แต่ภูเขาใช้วิธีการดูแลคนดูเหมือนเพื่อนคนนึงจนเกิดเป็นความสัมพันธ์ที่เหนียวแน่นขึ้นมาเป็นคอมมูนิตี้
ด้วยความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของช่อง ที่ทำให้สามารถถ่ายทอดสิ่งที่อยู่รอบตัวออกมาในฉบับของตัวเองได้อย่างเป็นธรรมชาติที่เข้าได้กับจริตของคนยุคนี้เลยทำให้ง่ายในการเชื่อมต่อกับผู้คนมากขึ้น
ในอนาคตก็อยากรวมจักรวาล Poocao Channel ที่ชวนเพื่อน ๆ เข้ามาทำคอนเทนต์ด้วยกันจนคนดูเริ่มรู้จักแต่ละคนไปเรื่อย ๆ ภูเขาเล่าว่าแต่ละคนมีคาแรกเตอร์เป็นของตัวเอง ถ้าหากได้ทำคอนเทนต์ร่วมกันความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวตรงนี้ก็จะถูกแสดงออกมาให้คนดูได้เห็นอะไรที่แปลกใหม่และสนุกสนานกว่าเดิมแน่นอน
อย่าปล่อยให้แบรนด์กลืนกินความเป็นเรา
ภูเขานิยามการทำงานร่วมกับแบรนด์ว่าเสมือนเป็นการแชร์ตัวตนซึ่งกันและกัน จากที่เคยเป็นตัวเองได้ 100% ก็ต้องแบ่งพื้นที่ให้แบรนด์ด้วย ซึ่งจุดเริ่มต้นของปัญหานี้มักเกิดจากการที่แบรนด์ไม่รู้จักและไม่เคารพตัวตนของครีเอเตอร์ดีพอ
หรือบางทีการปล่อยให้แบรนด์เข้ามาใช้พื้นที่ของตัวเราทั้งหมด โดยการนำกรอบหรือประสบการณ์ของแบรนด์มาตัดสิน ก็จะทำให้ครีเอเตอร์ถูกกลืนกินความเป็นตัวเองจนเสีย Loyalty จากคนดูไปด้วย เพราะฉะนั้นควรหาจุดสมดุลระหว่างทั้งคู่ แชร์ไอเดียให้เกิดสิ่งใหม่ เพื่อจะได้ดีต่อทุกฝ่าย
TikTok = ดัชนีชี้วัดความแมสของวงการคอนเทนต์?
สำหรับ Poocao Channel คงจะเหมาะกับ YouTube และ Facebook เป็นหลัก เนื่องจากเน้นคอนเทนต์เล่าเรื่อง แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า TikTok ก็เป็นอีกหนึ่งแพลตฟอร์มที่ทิ้งไม่ได้ ด้วยความเป็นแพลตฟอร์มคลิปวิดีโอสั้นที่อร่อยย่อยง่าย
รวมถึงเป็นอีกหนึ่งช่องทางที่ทำให้ครีเอเตอร์เติบโตอย่างรวดเร็ว จนแทบจะเป็นดัชนีชี้วัดความแมสไปแล้ว จึงทำให้กระบวนการการคิดคอนเทนต์ในปัจจุบันเปลี่ยนไปด้วย ภูเขาทิ้งท้ายว่า TikTok ก็เป็นอีกหนึ่งช่องทางให้ครีเอเตอร์มีโอกาสเติบโตได้มากเลยทีเดียว
อย่าให้ทุนนิยมทำลายความหลากหลายของครีเอเตอร์
วงการครีเอเตอร์เกิดด้วยความหลากหลายและความแตกต่างของแต่ละคน ครีเอเตอร์เป็นส่วนหนึ่งที่ทำงานให้โลกโซเชียลมีความสนุก ภูเขาฝากถึงครีเอเตอร์ว่าให้เชื่อในความเป็น DNA ของตัวเอง อย่าให้ครีเอเตอร์ถูกกลืนกินด้วยทุนนิยมหรือกระแส เพราะความเป็นตัวของตัวเองจะดึงทั้งคนดูและแบรนด์มาหาเราเอง
จริยธรรมกับครีเอเตอร์
ปัจจุบันคนดูให้ความสำคัญกับ Political Correctness หรือความถูกต้องในสังคมมากขึ้น ทำให้มีหลายเรื่องที่ค่อนข้างเป็นประเด็นอ่อนไหวในการสื่อสารออกไป ถ้าไม่ตระหนักถึงตรงนี้ก็ส่งผลเสียได้ไม่น้อยเลยทีเดียว
จากตรงนี้เลยทำให้ครีเอเตอร์ต้องตระหนักถึงความรับผิดชอบต่อสังคมมากขึ้นตามไปด้วย ในแง่ของการร่วมงานกับแบรนด์ก็เช่นกัน แบรนด์เองก็ต้องปรับตัวเพื่อพิสูจน์ตัวเองว่าตระหนักในประเด็นสังคม เพื่อที่จะให้ครีเอเตอร์และคนดูยอมรับมากขึ้นด้วย
ภูเขาเสริมว่าเมื่อคนดูโตขึ้น ตัวเราเองก็ต้องโตไปพร้อมกับพวกเขา ต้องมีความรอบคอบและตระหนักในประเด็นต่าง ๆ มากขึ้น เพราะฉะนั้นต้องมีการเรียนรู้ และใส่ใจกับสิ่งที่ทำมากกว่าเดิม เพราะสุดท้ายจริยธรรมเป็นสิ่งที่มาคู่กับครีเอเตอร์