สมาคมนักข่าว นักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย ได้ออกบทความประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับข้อพึงระวังให้แก่สื่อมวลชนทุกแขนงในการเสนอข่าว เลือกตั้ง ในวันที่ 24 มีนาคมนี้
1. สื่อมวลชนทุกประเภท อยู่ภายใต้กรอบกฎหมาย และระเบียบเกี่ยวกับการเลือกตั้ง ตัวอย่างที่พึงระวัง อาทิ
- ไม่เสนอข่าวในลักษณะที่อาจเข้าข่ายเป็นการหาเสียงทางอ้อมให้กับพรรคการเมือง ตั้งแต่ 18.00 น. ก่อนวันเลือกตั้ง จนสิ้นสุดเวลาการลงคะแนนเลือกตั้ง
- สื่อมวลชนทำโพลล์ หรือรายงานผลโพลล์ของสำนักโพลล์ต่าง ๆ ได้ โดยต้องระวังว่าต้องไม่ใช่โพลล์ที่ทำโดยเจตนาไม่บริสุทธิ์ โดยหวังผลชี้นำต่อการตัดสินใจของผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง
- ต้องไม่นำเสนอผลโพลล์ระหว่าง 7 วันสัปดาห์ก่อนวันเลือกตั้งจนถึงสิ้นสุดการเลือกตั้ง
- ระมัดระวังในการบันทึกภาพบริเวณหน่วยเลือกตั้ง จนอาจทำให้การลงคะแนนของผู้มีสิทธิ์ไม่เป็นความลับ
- สืบเนื่องจากระบบการเลือกตั้งแบบจัดสรรค์ปันส่วนผสม ทำให้ทุกคะแนนเสียงอาจมีผลต่อพรรคการเมืองได้ทุกพรรค การอำนวยความสะดวกของพรรคการเมืองในการทำข่าวของสื่อมวลชนในระหว่างมีพระราชกฤษฎีกาการเลือกตั้ง อาจเข้าข่ายการให้ผลประโยชน์ที่อาจคำนวณเป็นตัวเงินแก่ผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งได้
2. สื่อมวลชนทุกประเภท อยู่ภายใต้กรอบกฎหมายอื่นๆที่เกี่ยวข้อง เช่น กฎหมายหมิ่นประมาท กฎหมายว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์
3. สื่อวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ ห้ามขายพื้นที่โฆษณาทางการเมืองในระหว่างมี พระราชกฤษฎีกาการ เลือกตั้ง
4. สื่อประเภทอื่น ๆ นอกจากข้อ 3 รับเงินค่าโฆษณาการหาเสียงได้ภายใต้เงื่อนไขไม่เกินค่าใช้จ่ายในการหาเสียง
5. กฎหมายกำหนดให้สื่อวิทยุกระจายเสียง และวิทยุโทรทัศน์ ต้องให้ความร่วมมือกับ กกต. ในการจัดสรรเวลาออกอากาศให้กับพรรคการเมือง
6. การทำหน้าที่ของสื่อสารมวลชนทุกประเภท ในการรายงานข่าวเลือกตั้ง สามารถทำได้ตามสิทธิเสรีภาพ หลักวิชาชีพ หลังจรรยาบรรณ จริยธรรมวิชาชีพ โดยการยึดหลักความเป็นกลาง ความเสมอภาพของผู้สมัครและพรรคการเมืองนั้น อาจมีส่วนช่วยให้ศาลใช้ดุลยพินิจโดยยกหลักการทำหน้าที่ของสื่อมวลชน หากเกิดกรณีถูกฟ้องเป็นจำเลยร่วม
7. การจัดเวทีอภิปรายของผู้สมัครหรือผู้แทนพรรคการเมืองเพื่อนำเสนอในพื้นที่สื่อ ให้คำนึงถึงการกระจายโอกาสให้กับพรรคการเมืองต่าง ๆ แต่ไม่จำเป็นต้องมีตัวแทนทุกพรรคในแต่ละเวที อาจกระจายเวทีเป็นประเด็นตามนโยบาย หรือขนาดของพรรค
8. ห้ามสื่อมวลชน พิธีกร ศิลปิน ใช้ความสามารถของอาชีพเพื่อช่วยหาเสียงแก่ผู้สมัครหรือพรรคการเมือง เว้นแต่จะเป็นตัวผู้สมัครเอง
9. ห้ามเผยแพร่ถ้อยคำหาเสียงที่ใช้ถ้อยคำรุนแรง ก้าวร้าว หยาบคาย หรือปลุกระดม
10. ห้ามรับเงิน ทรัพย์สินหรือผลประโยชน์ เพื่อเอื้อประโยชน์ให้มุ่งรายงานข่าวด้านดีแก่พรรค หรือผู้สมัคร หรือมุ่งรายงานข่าวแง่ร้ายแก่คู่แข่ง
สำหรับการรายงานผลการเลือกตั้ง ส.ส. อย่างไม่เป็นทางการในการเลือกตั้งครั้งนี้ สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง สำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (องค์การมหาชน) และสมาคมโทรทัศน์ระบบดิจิตอล (ประเทศไทย) ซึ่งเป็นตัวแทนฝ่ายสื่อมวลชน 30 สำนัก ประกอบด้วย สถานีโทรทัศน์ระบบดิจิตอล จำนวน 23 สถานี และ 7 พันธมิตร สื่อสิ่งพิมพ์ สื่อออนไลน์ และเคเบิ้ลทีวี ประกอบด้วย ททบ.5, สทท.11, ไทยพีบีเอส, ช่อง 3 แฟมิลี่, ทีเอ็นเอ็น 24, นิวทีวี, สปริงนิวส์, ไบรท์ทีวี, วอยซ์ทีวี, เนชั่นทีวี, เวิร์คพอยท์, จีเอ็มเอ็ม 25, สปริง 26, ช่อง 8, ช่อง 3 เอสดี, โมโน, อสมท, ช่องวัน, ไทยรัฐทีวี, ช่อง 3 เอชดี, อมรินทร์ทีวี, ช่อง 7 เอชดี, พีพีทีวีเอชดี 36, นสพ.บางกอกโพสต์, กรุงเทพธุรกิจ, เมเนเจอร์ออนไลน์, กระปุกดอทคอม, สนุกดอทคอม, เดอะสแตนดาร์ด, 77 ข่าวเด็ด และเคเบิ้ลทีวี Five Channel
ที่มา : สมาคมนักข่าว นักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย, สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง