JournalismSocialTips

Avatar

Nutn0n January 3, 2019

ทำคอนเทนต์ยากให้น่าสนใจด้วย Relevant Content จับทุกสิ่งมาเชื่อมโยง

สาเหตุหนึ่งที่ผู้เขียนมาเริ่มทำ Spaceth.co ส่วนหนึ่งมาจากความรู้สึกที่ว่า ทำไมข่าววิทยาศาสตร์มันมีความไกลตัว โดยเฉพาะเรื่องราวเกี่ยวกับงานวิจัยต่าง ๆ ซึ่งปกติแล้วถ้าไม่มาจาก Journal หรือจากสำนักข่าวก็จะไม่มีแหล่งอื่นเลย และภาษาที่สำนักข่าวและ Journal ใช้ก็จะบอกแค่ว่า ใคร ทำอะไร ที่ไหน อย่างไร ผลเป็นอย่างไร ซึ่งถ้าดูตามหลักการเขียนข่าว มันก็พอจะบอกอะไรหลาย ๆ อย่างได้อยู่ แต่สิ่งที่ขาดไปอย่างนึงที่แทบจะเป็นสิ่งสำคัญที่สุดเลยก็คือ แล้วข่าวนั้น ให้คุณค่าอะไรกับผู้อ่าน หรือเกี่ยวข้องกับตัวผู้อ่านอย่างไร

สิ่งนี้นำมาซึ่งแนวคิดที่เรียกว่า Relevant Content หรือคอนเทนต์ที่ถูกออกแบบให้เชื่อมโยงเข้ากับชีวิตของคนที่ดู ซึ่งยากมากในสมัยก่อน เพราะสมัยก่อน สื่อจะมีแค่วิทยุ โทรทัศน์ เราไม่สามารถรับรู้ Feedback หรือ Target คนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งได้ นั่นทำให้สิ่งที่เราชอบบอกว่า คอนเทนต์คือการตอบสนองความต้องการของคน ดังนั้นการสื่อสารกับคนหมู่มาก หรือ Mass นั้นเราจะรู้ได้ยากมากว่าจริง ๆ แล้วคนเหล่านั้นต้องการอะไร วัตถุประสงค์ของการสื่อสารจึงขึ้นอยู่กับผู้ครอบครองสื่อหรือคนทำคอนเทนต์เท่านั้น

แต่พอมีอินเทอร์เน็ตขึ้นมา การกระจายศูนย์กลางหรือ Decenterized เกิดขึ้น คนทำคอนเทนต์สามารถทำคอนเทนต์เฉพาะกลุ่มได้ เพราะรู้ว่าจะพุ่งเป้าไปที่กลุ่มไหน นั่นทำให้พวกเขาสามารถศึกษา Insight ไปยังกลุ่มเป้าหมายนั้นว่าอะไรคือคุณค่าสำหรับคนเหล่านั้น หรือเป็นสิ่งที่พวกเขาต้องการ

คอนเทนต์ที่ดี ต้องเกี่ยวข้องและให้คุณค่า

ยกตัวอย่างเช่น วัตถุประสงค์ของคอนเทนต์เราคือการให้ความรู้เกี่ยวกับโรคมะเร็ง คิดแบบนี้เราก็จะได้หัวข้อแค่แนว ๆ ว่า “ภัยของโรคข้อเข่า” ซึ่งฟังดูไกลตัวและไม่เชื่อมโยง เราก็ไม่รู้สึกว่าเราต้องกดเข้าไปอ่าน แต่ถ้าเราเปลี่ยนวิธีคิดมาเป็นว่า เราจะทำให้กลุ่มเป้าหมายของเราสนใจได้อย่างไร กลุ่มเป้าหมายเราอาจจะเป็นคนทำงานออฟฟิศ เราอาจจะได้หัวข้อแนว ๆ “อายุน้อยทำงานออฟฟิศก็เป็นโรคข้อเข่าได้ รีบตรวจก่อนรักษาก่อนสาย” ซึ่งจะเห็นว่า มีการใช้ keyword สำคัญเช่น “อายุน้อย” “ทำงานออฟฟิศ” “รีบตรวจ” “ก่อนสาย” คำพวกนี้จะไปกระตุ้นให้ผู้อ่านเกิดความรู้สึกว่าเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับเรา

กรณีศึกษาที่น่าสนใจ

เมื่อปี 2018 ที่ผ่านมา มีโฆษณาบน YouTube ตัวนึงที่ผู้เขียนเห็นแล้วชอบวิธีการคิดมาก ของ Xfinity mobile ชื่อว่า “Six-second Ad” สิ่งที่เขาพยายามจะสื่อก็คือ ให้มาใช้ซิมของ Xfinity mobile ที่จะสลับไปใช้ Wifi ที่ครอบคลุม เมื่อคุณดูวิดีโอจะทำให้ประหยัดค่า data ได้ แต่คิดแค่นั้นมันไม่ Relevant พอ ทาง Creative จึงทำวิดีโออะไรซักอย่างขึ้นมาเป็น Ads ปลอม ๆ แล้วบอกท้าย Ads ว่า แค่ Ads นี้จบก็เสียเงินไป 1.57 เหรียญฟรี ๆ แล้ว! เสียหายไหมล่ะ

จะเห็นว่าการทำ Relevant content นั้นไม่ได้เป็นแค่ content แต่สามารถเป็น ad ที่ให้คุณค่ากับเรื่องราวหรือผู้ชมได้จริง ๆ ไม่ใช่แค่บอก message ที่เราอยากจะบอก แต่มันมี function บางอย่างซ่อนไว้

เพื่อให้เห็นภาพขึ้น เราจะลองหยิบหลาย ๆ คอนเทนต์มาดู อีกคอนเทนต์นึงที่อยากยกมาก็คือวิดีโอของคุณอู๋ Spin9 ที่บอกว่า บอก 6 ความลับของ Economy Class – รู้แล้วจะนั่งสบายขึ้นอีกเยอะ ประเด็นมันอยู่ตรงที่ว่าคอนเทนต์ที่บอกตรง ๆ เลยว่าให้คุณค่ากับคนที่เข้ามากดดูว่าถ้ารู้สิ่งที่เรากำลังจะบอก คุณจะนั่ง Economy ได้สบายยิ่งขึ้น แทนที่จะบอกว่า หมอนรองคอพับได้, ที่พักแขนฝั่งทางเดินยกได้ ซึ่งทำให้คนดูต้องคิดต่อไปอีกว่า รู้แล้วเอาไปทำอะไร แต่ในวิดีโอจะบอกเลยว่า ก็เวลานอนจะได้สบาย เวลาจะไปเข้าห้องน้ำตอนมีถาดอาหารวางอยู่จะได้ไม่ต้องฝากคนข้าง ๆ

มีสิ่งหนึ่งที่ผู้เขียนชอบพูดก็คือ คอนเทนต์ยากอย่าทำให้ง่าย แต่ให้ทำให้มันมีค่าพอที่คนอยากจะไปเข้าใจมัน จากประสบการณ์ส่วนตัวที่ทำเว็บวิทยาศาสตร์ที่ดูวิชาการมาก ๆ เรารู้ดีว่าเราเอามาย่อยให้มันง่ายไม่ได้อยู่แล้ว สิ่งที่เราจะทำได้ก็คือ ทำยังไงให้มันมีค่าแล้วคนอยากจะไปศึกษา ไม่ว่าจะเป็นการสร้างความเชื่อมโยง สร้างคุณค่าทำให้รู้สึกว่า ถ้ารู้เรื่องเรื่องนี้แล้วจะเท่ จะมีประโยชน์ จะเอาไปใช้ทำอะไรได้ สิ่งนี้ก็จะช่วยให้คอนเทนต์ที่ยากกลายเป็นเรื่องยากเหมือนเดิมแต่มีคนพยายามไต่ขึ้นไปหามันมากขึ้น บางทีการ Educate คนก็คือการตั้งเป้าให้เขาแล้วให้เขา Educate ตัวเอง

หวังว่าหลาย ๆ คนคงจะพอนึกภาพของการทำคอนเทนต์ให้เชื่อมโยง หรือ Relevant กันมากขึ้น เชื่อเลยว่าถ้าเราทำได้ โจทย์จะยากแค่ไหนก็ไม่ยากไปกว่าฝีมือ Content Creator แบบเรา ๆ แน่นอน

 

เรียบเรียงโดย ทีมงาน RAiNMAKER

Copyright © 2024 RAiNMaker. All rights reserved.

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save