สการ์เลตต์ โจแฮนส์สัน ได้ยื่นฟ้องดิสนีย์ในกรณีการเปิดตัวภาพยนตร์ Black Widow บน Disney+ ผ่านบริการ Premier Access พร้อมกับวันฉายในโรงภาพยนตร์ โดยผิดตามข้อตกลงที่บอกว่าจะฉายในโรงภาพยนตร์เท่านั้น เป็นระยะเวลาประมาณ 90 ถึง 120 วัน
คดีนี้ยื่นฟ้องเมื่อวันพฤหัส (29 ก.ค.) ที่ผ่านมาที่ศาลสูงในลอสแองเจลิส ตามข้อตกลงที่มาร์เวล ซึ่งดิสนีย์เป็นเจ้าของได้กล่าวไว้ว่าภาพยนตร์เรื่องนี้จะฉายในโรงภาพยนตร์ที่ไม่รวมการเผยแพร่ผ่านบริการสตรีมมิง
ซึ่งรายได้ส่วนหนึ่งของนักแสดงสาวเองก็ขึ้นอยู่กับผลงานบ็อกซ์ออฟฟิศของภาพยนตร์เรื่องนี้ นั่นหมายความว่าการนำภาพยนตร์เผยแพร่ผ่านช่องทางสตรีมมิงไปพร้อมกับการฉายในภาพยนตร์ อาจทำให้รายได้ในส่วนนี้ของเธอต้องลดลงตามไปด้วย
กรณีนี้โจแฮนส์สันอาจสูญเสียรายได้กว่า 50 ล้านดอลลาร์ เนื่องจากแผนการเผยแพร่ภาพยนตร์ที่เปลี่ยนแปลงไป ทางด้านโฆษกดิสนีย์กล่าวว่า ดีสนีย์ได้ปฏิบัติตามสัญญาของโจแฮนส์สันอย่างสมบูรณ์
และยังกล่าวว่านอกจากนี้การเปิดตัว Black Widow บน Disney+ ด้วย Premier Access ยังช่วยเพิ่มโอกาสในการได้รับค่าตอบแทนเพิ่มขึ้นจาก 20 ล้านดอลลาร์ที่เธอได้รับอยู่ตอนนี้
เนื่องด้วยผลกระทบจากการระบาดของโควิด-19 ทำให้ผลงานหลายชิ้นของดิสนีย์ต้องเปลี่ยนแผนการเปิดตัวจากวางแผนฉายในโรงภาพยนตร์เป็นเปิดตัวทั้งในโรงภาพยนตร์และบน Disney+ ผ่าน Premier Access ที่มีการเก็บค่าบริการเพิ่มไปพร้อม ๆ กัน เพื่อให้ผู้คนสามารถรับชมภาพยนตร์ได้ภายใต้ข้อจำกัดหลายอย่างจากการล็อกดาวน์
ซึ่งการใช้วิธีฉายภาพยนตร์แบบไฮบริดนี้ เป็นวิธีที่สตรีมเมอร์รายใหญ่หลายบริษัทเองก็เลือกใช้ รวมถึง HBO Max เองก็กำลังอยู่ในระหว่างการพิจารณา
สำหรับคดีระหว่างดิสนีย์และโจแฮนส์สันจะเป็นอย่างไรต่อไป คงต้องคอยติดตามอัปเดตกันอีกครั้ง
ที่มา: The Verge