อย่างที่เรารู้กันมาตลอดว่า ณ เวลานี้ Facebook เริ่มไม่นิ่งเหมือนเมื่อก่อนอีกแล้ว(ย้อนไปประมาณ 2 – 3 ปี) ทั้งการแสดงผลที่ให้คนเห็นเนื้อหาจากเพจน้อยลง ค่าโฆษณาที่แพงขึ้น และยังไม่รวมอีกหลายๆเรื่องที่เรามักจะเจอกันบ่อยๆเช่น Bug การแสดงผล/การเข้าถึง, การแสดงผลของรูปภาพและวีดีโอที่เปลี่ยนบ่อย
จากเหตุการณ์ต่างๆที่เราได้พบเจอมาตลอดช่วงปี 2018 – 2019 ปัจจุบัน มันทำให้เราหันมาถามตัวเองว่าตอนนี้ Facebook เริ่มที่จะไม่นิ่งแล้ว เราควรที่จะชิ่งไปก่อนดีรึเปล่า หรือ เราก็ยังควรที่จะต้องทำต่อไปแต่ควรจะต้องปรับตัวยังไงดีถึงจะเป็นเพจที่อยู่รอดและได้ยอด Reach และ Engagement ที่ดี
เมื่อที่นี่ไม่ใช่บ้านของเราการปรับตัวจึงเกิดขึ้นบ่อย เมื่อเจ้าของบ้านเปลี่ยนกฎเราก็ต้องทำตามกฎกันไปโดยที่ไม่สามารถจะโต้แย้งอะไรได้ เพจและ Blogger หลายคนเริ่มสร้างบ้านของตัวเองขึ้นมาเป็นที่เรียบร้อยเพื่อกระจายความเสี่ยงและเรียกยอดผู้ชมเพิ่ม บ้านของตัวเองที่ว่านั่นก็คือ เว็บไซต์
เว็บไซต์คือบ้านหลักของเรา ควรจะเป็นฐานที่มั่นที่ดีที่สุดอย่างน้อยก็กันเอาไว้ว่าสุดท้ายแล้วถ้าบ้านอย่าง Facebook มันหายไปเราก็ยังมีบ้านหลักบนโลกออนไลน์อยู่ การทำเว็บไซต์ขึ้นมานั้นในช่วงแรกอาจจะไม่สามารถเรียกผู้เข้าชมได้เยอะมากๆ อาจจะต้องอาศัย Facebook หรือ Social Media อื่นๆเป็นตัวช่วยกระตุ้นยอดผู้เข้าชมไปก่อนในช่วงแรก แต่ถ้าเราสามารถทำให้เว็บไซต์ของเราติด SEO ขึ้นมาได้เราก็จะได้ยอดผู้เข้าชมแบบฟรีๆทุกวันที่พวกเค้าเหล่านั้นมาจากการค้นหาด้วย Google
การค้นหาจาก Google ไม่เคยหายไปไหน เพียงแต่เมื่อก่อนเราตอนที่ Facebook ยังให้ยอด Reach และ Engagement ที่สูงลิ่วอยู่เราแห่กันไปโฟกัสกันจนลืมการทำ SEO และการทำเนื้อหาบนเว็บไซต์ให้ดีกันไปหมด แต่ถ้าใครโฟกัสทั้ง 2 ช่องทางไปพร้อมๆกันแล้วถึงตอนนี้ผลบุญของการทำ SEO เริ่มออกผล ถึงแม้จะเสียยอดจาก Facebook ไปเยอะ แต่การได้ยอดจากช่องทางการค้นหากลับมานั้นถือว่าเป็นสิ่งที่มีมูลค่ามากๆ ยังไม่สายที่จะสร้างบ้านหลักให้กับตัวเอง เริ่มเลยอย่ารอช้า
นอกจากการทำบ้านหลัก(เว็บไซต์)ของตัวเองแล้ว การกระจายความเสี่ยงเข้าไปสู่ Social Media ตัวอื่นๆก็สำคัญไม่แพ้กัน ถ้าดูจากสถิติปีที่ผ่านมายอด Instagram และ Twitter เติบโตขึ้นเป็นอย่างมาก การที่เรากระจายความเสี่ยงหรือกระจายเนื้อหาและข้อมูลที่เราทำไปแล้วให้ครบทุก Social Media ก็จะสามารถทำให้ช่องทางต่างๆของเราเกื้อหนุนและดึงคนแต่ละกลุ่มให้รู้จักกับเราได้
การกระจายเนื้อหาไปสู่ Social Media ตัวอื่นๆ ไม่ใช่แค่นำแค่รูปมา Re-size แล้วโพสต์ให้มันจบๆไป แต่เราก็ควรที่จะรู้พฤติกรรมการใช้ของ User ของแต่ละ Social Media ด้วย เช่น Twitter อาจจะเน้นรูปได้ไม่มาก แต่จะเน้นไปที่ข้อความสั้นๆและการกระจายตัวเร็วด้วยการเกาะกระแสต่างๆ เพราะฉะนั้นการกระจายเนื้อหาไปแต่ละที่เราจะต้องทำการ Re-write / Re-size / Re-idea ไปพร้อมๆกัน
ถ้าคุณตอนนี้คุณยังไม่มีช่องทางอื่นๆนอกจากเพจที่เอาไว้โปรโมทหรือกระจายเนื้อหาต่างๆเข้าสู่โลกออนไลน์ ถึงเวลาที่คุณควรจะต้องขยับหรือรีบถอนตัวออกมาจาก Facebook บ้างแล้วหันไปเพิ่มช่องทางอื่นๆได้แล้ว