กลับมาอีกครั้งกับคอนเทนต์ซีรีส์ ‘RAiNMaker’s Content of the Year 2024’ พร้อมกับหมวด ‘Social Trend’ ที่เราจะพาทุกคนไปดูเทรนด์มาแรงบนแต่ละโซเชียลแพลตฟอร์ม ที่บอกได้เลยว่าบางเทรนด์ก็กลายเป็นเทรนด์หลักในทุกแพลตฟอร์มเลยทีเดียว
นอกจาก AI ที่กลายเป็นเทรนด์ทั่วโลกจนได้ชื่อว่าเป็นปีทองของ AI จนทุกแพลตฟอร์มต้องหยิบยกเครื่องมือที่ทำงานโดย AI มาเสิร์ฟให้ผู้ใช้งาน ไม่ว่าจะเป็น Meta AI จาก Meta, Grok จาก X และ Symphony จาก TikTok เป็นต้น บนโซเชียลแพลตฟอร์มก็ยังมีเทรนด์อื่น ๆ บนแพลตฟอร์มที่น่าสนใจอีกมากมาย เช่น การที่ทุกแพลตฟอร์มโฟกัสวิดีโอสั้นเป็นหลัก, เพิ่มให้แอ็กเคานต์ธุรกิจหรือครีเอเตอร์ส่งข้อความบรอดแคสต์, สนับสนุนโปรแกรมการสร้างรายได้ หรือโฟกัสการโพสต์แบบ Carousel Post มากขึ้น เป็นต้น
แต่สำหรับที่สุดในหมวด Social Trend แห่งปี 2024 ที่ RAiNMaker ยกมา 3 อันดับ จะมีเทรนด์หรือเหตุการณ์อะไรบ้าง ไปดูกันได้เลย!
การมุ่งหน้าสู่ Affiliate Trends ของทุกแพลตฟอร์ม
ปีนี้เป็นปีที่คำว่า Affiliate ไม่ใช่เรื่องใหม่อีกต่อไป แถมยังกลายเป็นช่องทางหลักที่ครีเอเตอร์หลายคนเลือกทำเพื่อสร้างรายได้ เมื่อเทรนด์การสร้างรายได้ของครีเอเตอร์เปลี่ยนไปทิศทางนี้ ทำให้แพลตฟอร์มเองก็ต้องปรับตัวเพื่อตอบโจทย์กับสิ่งที่ครีเอเตอร์ทำ นั่นก็คือการเพิ่มโปรแกรม Affiliate บนแพลตฟอร์ม เพื่อสนับสนุนการสร้างรายได้ผ่านคอนเทนต์จากการแปะลิงก์ หรือติดตะกร้านั่นเอง
โดยเทรนด์การติดตะกร้าเป็นที่นิยมมาจาก TikTok หลังจากที่ TikTok Shop ได้การเปิดให้ผู้ใช้สามารถติดตะกร้าบนคลิปได้ ทำให้ครีเอเตอร์สามารถสร้างสรรค์คอนเทนต์เพื่อขายของในรูปแบบวิดีโอได้อย่างอิสระ ต่างจากก่อนหน้านี้ที่แพลตฟอร์มอื่น ๆ ยังเป็นแค่การแปะลิงก์ Affiliate จากแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ เช่น Shopee และ Lazada ในโพสต์เท่านั้นบน Facebook, Instagram และ X เท่านั้น
ตามมาด้วย YouTube ที่จับมือ Shopee เปิดโปรแกรม YouTube Shopping Affiliate เป็นประเทศลำดับที่ 4 ของโลก เมื่อช่วงปลายเดือนตุลาคมที่ผ่านมา เพื่อให้ครีเอเตอร์สามารถติดแท็กสินค้าจาก Shopee บนวิดีโอได้เลย แถมยังได้ค่าคอมมิชชัน 100% ในช่วง 6 เดือนแรกอีกด้วย
รวมถึงล่าสุด Meta ก็ได้เปิดให้แปะลิงก์ Affiliate บน Facebook Reels ได้แล้ว แต่มีข้อจำกัดว่าต้องเป็นลิงก์จาก Shopee เท่านั้น และยังเปิดให้ครีเอเตอร์บางกลุ่มใช้ได้ก่อน คาดว่าจะเปิดให้ทุกคนใช้ได้ในเร็ว ๆ นี้ จากการที่แต่ละแพลตฟอร์มสนับสนุนการทำ Affiliate มากขึ้น สะท้อนให้เห็นว่าคนที่ทำอาชีพครีเอเตอร์หันมาสร้างรายได้บนแพลตฟอร์มผ่านการทำ Affiliate มากขึ้นจนกลายเป็น Affiliate Trend นั่นเอง
วิกฤตครั้งใหญ่ของ TikTok
กลายเป็นประเด็นร้อนเมื่อต้นปีกันเลยทีเดียว หลังจาก Universal Music Group ประกาศถอดเพลงในค่ายทั้งหมดออกจาก TikTok เนื่องจากสัญญาเรื่องลิขสิทธิ์ที่ไม่ลงรอยกัน ทั้งเรื่องข้อตกลงส่วนแบ่ง และฟีเจอร์ AI ที่กระทบต่อลิขสิทธิ์ ส่งผลให้เพลงของศิลปินดัง อาทิเช่น Taylor Swift, The Weeknd, Drake, Billie Eilish, Harry Styles, Ariana Grande และ Justin Bieber ถูกถอดออกตามไปด้วย
จากเหตุการณ์ในครั้งนี้ ทำให้หลายคนเป็นห่วงทิศทางของ TikTok ว่าจะดำเนินต่อไปอย่างไร ในเมื่อเพลงเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้คนผลิตคอนเทนต์บนแพลตฟอร์ม แต่สุดท้าย TikTok ก็ปล่อยให้คนกังวลได้ไม่นานมากนัก หลังจากเจรจากับ Universal Music Group จนได้บทสรุปทั้งคู่ก็กลับมาจับมือกันภายใต้ข้อตกลงลิขสิทธิ์เนื้อหาฉบับใหม่ในช่วงกลางปีที่ผ่านมา และนำเพลงของศิลปินในค่ายกลับมาบนแพลตฟอร์มเหมือนเดิม
ซึ่งเป็นช่วงเวลาเดียวกับที่ TikTok เริ่มถูกแบนในหลายประเทศ และหนึ่งในนั้นคือประเทศมหาอำนาจอย่างสหรัฐฯ เนื่องจากกังวลว่ารัฐบาลจีนจะเข้าถึงข้อมูลอ่อนไหวของผู้ใช้งานได้ ผ่านการขอข้อมูลของบริษัทแม่ของ TikTok อย่าง ByteDance แม้ทาง TikTok จะออกมาแถลงการณ์แล้วว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับรัฐบาลจีนแล้วก็ตาม
แต่ดูเหมือนว่าเรื่องราวจะไม่จบง่าย ๆ หลังจากสภาสหรัฐฯ ยังคงกังวลเรื่องความมั่นคงของชาติ โจ ไบเดน อดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ จึงลงนามร่างกฎหมายให้เวลา TikTok ในการคิดว่าจะขายกิจการในสหรัฐฯ โดยต้องดำเนินการภายในวันที่ 19 ม.ค. ปีหน้า ไม่เช่นนั้นอาจโดนแบนในสหรัฐฯ ได้
ล่าสุดศาลอุทธรณ์ของรัฐบาลกลางสหรัฐฯ ได้ยกคำร้องของ TikTok ที่ยื่นอุทธรณ์โต้แย้งกฎหมายดังกล่าวว่าขัดต่อรัฐธรรมนูญ และกระทบกับเสรีภาพของผู้ใช้งาน อย่างไรก็ตาม TikTok ยังคงต่อสู้ทางกฎหมายต่อไป และยังไม่มีใครทราบแนวโน้มของบทสรุปนี้
Bluesky แพลตฟอร์มน้องใหม่คู่แข่ง X | Bluesky
แอปใหม่จากอดีตผู้ก่อตั้ง และ CEO คนเก่าของ Twitter หรือ X ในปัจจุบัน โดย Jack Dorsey ผู้ก่อตั้ง Bluesky ได้เริ่มจากการสร้างแอปที่ชื่อว่า ‘Open Protocol’ พร้อมกับไอคอนรูปท้องฟ้า เพื่อสื่อถึงท้องฟ้าที่ให้นกฟ้าในโลโก้ของ Twitter ได้ออกมาสู่ท้องฟ้าผืนใหม่ แต่แล้วผู้ใช้บนแอปเริ่มใช้อีโมจิรูปผีเสื้อสีฟ้า จนทีมงานถูกใจนำมาใช้เป็นโลโก้หลักของแอป
Bluesky เป็นแอปที่ให้ผู้ใช้ได้พูดคุย และโพสต์ข้อความ คล้ายกับ Twitter ยุคเก่าที่ทุกคนคุ้นเคย ที่สำคัญยังมี Public Web View ให้ผู้ใช้เข้าไปอ่านโพสต์โดยไม่ต้องล็อกอินได้อีกด้วย อีกหนึ่งจุดเด่นของ Bluesky คือการเป็นแพลตฟอร์มแบบกระจายศูนย์ที่เน้นความโปร่งใส และปกป้องความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้งาน
ท่ามกลางความวุ่นวายบน X ที่เกิดขึ้นตั้งแต่ Elon Musk ขึ้นมาบริหาร Twitter และเปลี่ยนชื่อเป็น X ทำให้ผู้คนรู้สึกเบื่อหน่าย และคิดถึง Twitter ยุคเก่า รวมถึงประเด็นเรื่องการเลือกตั้งสหรัฐฯ หลังจากที่ Donald Trump ชนะการเลือกตั้ง มีผู้ใช้ X มากกว่า 115,000 คนยกเลิกแอ็กเคานต์ และเข้าชมเว็บไซต์ของ Bluesky กว่า 1.2 ล้านคน ซึ่งแซงหน้า Threads ไปอีก
ทำให้ Bluesky มีผู้ใข้ใหม่เพิ่มขึ้น 2.5 ล้านคนภายใน 7 วัน และปัจจุบันมีผู้ใช้งานรวมกว่า 16 ล้านคน อย่างไรก็ตาม ผู้ใช้งานรวมของ Bluesky ยังคงตามหลัง Threads และ X อยู่ดี ในอนาคต Bluesky อาจเติบโตขึ้นแบบก้าวกระโดด แต่การที่จะเอาชนะ X ที่เป็นแพลตฟอร์มเก่าแก่ และมีฐานผู้ใช้งานเยอะเช่นนี้ยังอาจเป็นเรื่องยาก
จะเห็นได้ว่าในปี 2024 มีเหตุการณ์และเทรนด์ที่เกิดขึ้นบนแพลตฟอร์มหลักค่อนข้างเยอะ ซึ่งทั้ง 3 อันดับที่เรายกมาเล่าให้ฟังถือว่าเป็นเรื่องราวที่เป็นที่สุดในหมวด Social Trend และหลายคนเองก็คงจะคุ้นเคยเหตุการณ์เหล่านี้กันมาบ้าง สำหรับหมวดต่อไปในคอนเทนต์ซีรีส์ Content of the Year 2024 เตรียมพบกับ Concert & Event ได้ในคอนเทนต์หน้าได้เลย!
#RAiNMakerContentoftheYear2024