เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา Facebook: หมายจับกับบรรจง ได้โพสต์ถึงกรณีการบุกค้นบริษัทของ YouTuber ชื่อดังอย่าง ‘สอดอ Style’ เหตุเพราะไม่ส่งงบดุลบริษัท และถูกสงสัยการจับจ่ายที่ไม่สอดคล้องกับทรัพย์สินที่มี
โดยได้ทำการตรวจค้นทั้ง 4 บริษัท คือ
1. บริษัท สอดอ สไตล์ จำกัด
2. บริษัท ไดนี่ กรุ๊ป จำกัด
3. บริษัท คาราเมล บิสคิท จำกัด
4. บริษัท แฮปปี้ทรีเฟรนด์ จำกัด
ซึ่งหลังเข้าตรวจค้นพบว่า บริษัทของ สอดอ Style และแฟนหนุ่มที่เป็นกรรมการผู้ถือหุ้นมีความผิดอื่น ๆ ตาม พ.ร.บ.กำหนดความผิดเกี่ยวกับห้างหุ้นส่วนจดทะเบียนห้างหุ้นส่วนจำกัด บริษัทจำกัด สมาคม และมูลนิธิ พ.ศ. 2499 และ พ.ร.บ.การบัญชี พ.ศ.2543 ในข้อหา ดังนี้
นอกจากนี้ยังมีประเด็นการทำคอนเทนต์เกี่ยวกับการเล่นพนันออนไลน์ และเสียเงินไปมากถึง 35 ล้านบาท และมีประชาชนที่ถูกโน้มน้าวให้ซื้อสินค้าตามที่ได้รับชมช่อง YouTube หรือ Facebook แต่ได้รับข้อเท็จจริงไม่ครบถ้วน ทางพฤติการณ์ กก.3 บก.ปอศ. เลยได้รับเรื่องร้องเรียน และจึงมีการตรวจสอบแหล่งที่มาของทรัพย์สินเพิ่มเติม
และพบว่าบริษัทของสอดอ Style ไม่ได้ยื่นงบการเงินต่อกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ภายในระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด และมีการใช้จ่ายฟุ่มเฟือยเกินทรัพย์สินที่แจ้งไว้ ทำให้การยื่นงบการเงินต่อกรมพัฒนาธุรกิจการค้าในอดีตที่ผ่านมาไม่สอดคล้องกัน ทำให้เกิดความผิดปกติทางบัญชี และเชื่อมโยงไปกับการจ่ายภาษีประจำปีของบริษัทด้วย
ด้านสอดอ Style ในฐานะผู้ต้องหาก็ได้ใ้หปากคำ และรับสารภาพข้อกล่าวหาที่ผิด พร้อมชี้แจงกลับว่าการตรวจค้นของตำรวจที่บริษัทนั้น เกิดขึ้นตั้งแต่วันที่ 23 พฤษภาคมที่ผ่านมาแล้วโดยไม่มีนักสื่อข่าวใด ๆ พร้อมให้ความร่วมมือกับตำรวจในการตรวจค้น ชำระค่าปรับส่วนที่ผิดพลาด ยื่นเอกสารอย่างครบถ้วนตลอด 1 เดือนที่ผ่านมา
และเข้าไปชี้แจงตามนัดเพื่อความบริสุทธิ์ใจทุกครั้ง ซึ่งทำให้เรื่องนี้จบด้วยดีไปนานแล้ว โดยตำรวจนั้นทำหน้าที่ตามที่กรมพัฒนาธุรกิจการค้าร้องเรียน แต่การโพสต์แบบนี้หลังเหตุการณ์จบแล้วทำให้เหมือนถูกต้องสงสัยว่าทำเว็บพนันออนไลน์รับฟอกเงิน หรือโกงแชร์
ส่วนเรื่องคอนเทนต์การเสียเงินให้กับการพนันออนไลน์นั้น ด้านสอดอ Style แจงว่าเป็นเพียงการทำเพื่อสร้างอุทาหรณ์ให้ฉุกคิด เพราะมีเจตนาดีให้กับแฟน ๆ ที่ได้รับชมว่ามันไม่คุ้มเสีย และหมดตัวได้ง่าย แม้ตนจะมีเงินหลายสิบล้านก็ยังเสีย แต่คนที่หลงเข้ามาในวงจรนี้ก็อาจทำให้หมดตัวได้จริง ๆ
โดยมองว่าการกล้าเล่นกล้าเสีย และกล้าออกมาเตือนของคอนเทนต์ช่องตัวเองนั้นไม่ผิดกฎหมาย และยืนยันว่าอาชีพที่ทำนั้นสุจริต และไม่มีการเชื้อเชิญไปเล่นการพนันในช่องแต่อย่างใด ซึ่งพาดหัวข่าวที่ออกไปนั้นเกินความเป็นจริง และสามารถสร้างความเสียหายได้
ซึ่งสรุปแล้วกรณีนี้ผิดก็ว่าไปตามผิด แต่ความผิดนี้ได้ถูกชี้แจงอย่างถูกต้องจากเจ้าตัวแล้ว การพาดหัวอย่างผิด ๆ ต่อไปแม้เรื่องจะจบแล้วสำหรับฝั่งสื่อมวลชน หรือการทำคอนเทนต์ที่เกี่ยวข้องกับกฎหมายในมุมมองของครีเอเตอร์ ทั้งสองฝ่ายต่างก็ต้องใช้ความรอบคอบ และพร้อมรับผิดชอบกับสิ่งที่ตามมาเช่นกัน
ส่วนหน้าที่มีวิจารณญาณในการเสพคอนเทนต์ หรือเสพข่าว ก็คงเป็นหน้าที่ของทุกคนที่ต้องคัดกรอง และอ่านให้ครบถ้วนกระบวนความ เพื่อไม่ให้เป็นเหยื่อของความเกลียดชัง จากการถูกชักจูงของยุคที่ข้อมูลมาไว และไปไว