ฟีเจอร์ที่ก็อป Snapchat มา ตอนนี้กลายเป็นมีผู้ใช้งานมากกว่า หนึ่งพันล้านครั้งในแต่ละวันเรียบร้อย ในรายงานผลประกอบการไตรมาสที่ 4 ปี 2018 ของ Facebook ได้มีการพูดถึงฟีเจอร์ Story ซึ่งในช่วงปีที่ผ่านมา Facebook ก็ดัน Story จนสุด จากเดิมที่มีแค่อยู่บน Instagram ที่ Facebook ซื้อมาทำ ณ ตอนนี้ Story กลายเป็นอยู่บน Platform หลักอย่าง Facebook เองแล้วเช่นกัน แม้ว่าตัวเลขของผู้ใช้งาน Story บน Facebook ยังน้อยกว่า Instagram อยู่มากพอสมควร แต่ก็ถือว่าขึ้นมาเร็วมาก ๆ จากความจริงที่ว่า Facebook เพิ่งจะเปิดใช้ฟีเจอร์ Story มาประมาณปีนึงเท่านั้นเอง
สำหรับตัวเลขที่ออกมานั้น ใน 1 วัน สูงสุดก็อยู่ที่ Instagram ที่มียอดการใช้งานต่อวันมากถึง 500 ล้านคน เป็นอันดับหนึ่งของ Platform ที่มีการใช้ Story สูงสุด ตามมาด้วย WhatsApp แอพในจักรวาลของ Facebook อีกหนึ่งตัวที่ก็ได้รับฟีเจอร์ฟ้าประทานอย่าง Story ไปร่วมด้วย และตามมาด้วย Facebook เองที่รวม ๆ แล้วตอนนี้ก็มียอดผู้ใช้งาน Story ต่อวันสูงกว่า Snapchat ต้นนำหรับเสียอีก
ทำให้ตอนนี้เราแทบจะพูดกันได้อย่างเต็มปากกว่า Facebook นั้น คุม Story ได้แล้วทั่วโลก ซึ่งเราได้เคยวิเคราะห์ไว้ว่า Story กำลังจะกลายเป็นฟีเจอร์หลักของ Social Media แห่งอนาคต เนื่องจากรูปแบบที่ง่าย เข้าถึงได้ทันที และใช้ประโยชน์ของกล้องบน SmartPhone และอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงได้อย่างเต็มประสิทธิภาพนั้น ไม่น่าแปลกใจว่าคอนเทนต์ต่อจากนี้ถ้าจะให้ได้รับความนิยม ก็ต้องมีความสั้น, ง่าย และรวดเร็วแบบ Story
อ้างอิงจากรายงานของ Tech Crunch ฟีเจอร์ Story สำหรับ Instagram นั้นเติบโตมาโดยตลอด หลังจากที่เปิดตัวเมื่อกลางปี 2016 มันก็แซงหน้า Snapchat ไปเมื่อต้นปี 2017 ที่ผ่านมา และ 2 ปีให้หลัง มันก็ได้ขึ้นสู่สถิติ 500 ล้านผู้ใช้งานในแต่ละวันเป็นที่เรียบร้อย เหมือนกับที่ Facebook วาดฝันไว้ว่ามันจะเป็นอนาคตของ Social Media
ในแง่ของคนทำคอนเทนต์ Story กลับเป็นฟีเจอร์ที่เรารู้สึกว่าวัดผล “ยาก” ที่สุด เนื่องจากเราจะรู้สถิติแค่จำนวนครั้งและคนที่ดูเท่านั้น ต่างจากการโพสต์อื่น ๆ ที่เราจะรู้ Like, Share และ Engagement แต่หลาย ๆ Service อย่างเช่น Spotify และล่าสุดก็คือ Netflix ก็ได้ออกฟีเจอร์ที่เน้นการ “ถูกพูดถึง” ลงบน Story Netflix เปิดฟีเจอร์ให้แชร์ไปยัง IG Story ได้ เหมือน Spotify ได้แล้ว! แทนที่จะทำ Story Content เองเท่านั้น ดังนั้น หลาย ๆ แบรนด์และ Publisher ที่สนใจ Story ก็อาจจะต้องลองมองว่า approch ของการใช้ประโยชน์จากฟีเจอร์ที่โคตรจะมาแรงนี้ ส่วนหนึ่งก็คือการได้เข้าไปอยู่ใน Story ของเป้าหมายของเรา มากกว่าการทำ Story ขึ้นมาเสียเอง
Story นั้นดูเหมือนว่าจะฉุดไม่อยู่ซะแล้ว Facebook ได้มีการปรับรูปแบบการแสดงคอนเทนต์เน้นหลักไปที่ Story มากขึ้น รวมถึงการนำปุ่มมาโชว์หลาไว้ใต้โปรไฟล์ หาง่ายกว่าจะเขียน Status เสียอีก (อะไรจะให้ความสำคัญขนาดนั้น)
ในขณะเดียวกัน หลายคนก็บอกเราว่า ขณะที่เลื่อนผ่าน Timeline ที่ควรจะเป็นโพสต์รูปหรือวิดีโอตามปกติ แต่ก็ดันเห็น Story ถูกนำขึ้นมาโชว์อย่างภาคภูมิใจ ดังนั้นบอกเลยว่า Facebook ดัน Story แบบสุดใจขาดดิ้นจริง ๆ ยังไม่นับกรณีที่คนด่า Instagram กันทั่วประเทศเมื่อปรับการแสดงผลให้เป็นแบบจิ้มแล้วแสดงรูป (เหมือนเอา Story มาไว้บน Timeline) ที่ภายหลังออกมาขอโทษบอกว่าเป็นแค่การทดสอบ แต่ก็เดาได้ว่าฟีเจอร์นี้กำลังจะมาในอนาคตแน่ ๆ ก็ยิ่งย้ำว่า Story นั้นจะกลายเป็นอนาคตของ Content บน Social Media จริง ๆ
สุดท้ายเราก็ต้องปฏิเสธไม่ได้เลยว่าต้องปรับตัว ใครที่ยังไม่อินกับ Story อยู่ก็ควรจะอินได้แล้ว และหาทางทำอะไรกับมันซักอย่าง เพราะอย่างที่ย้ำกันบ่อยมาก ๆ ว่ามันคืออนาคตของ Social Media จริง ๆ แบบปฏิเสธไม่ได้แล้ว
เรียบเรียงโดย ทีมงาน RAiNMAKER