สำหรับยุคที่แพลตฟอร์มเริ่มมีการนำเครื่องมือที่มี Generative AI เข้ามาช่วยมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการเจนภาพ หรือเขียนแคปชัน โดยบางแพลตฟอร์มยังไม่ได้มีการคำนึงถึงความปลอดภัยของการแพร่กระจายข้อมูลผิด ๆ แต่เพื่อกันการสับสน Meta ที่เริ่มทดสอบพรอมพ์ “Write with AI” และ “AI Transparency” ก็ดูจะเริ่มมีความคืบหน้าในเรื่องนี้มากขึ้นแล้ว
เมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา นับเป็นวันที่ Facebook มีอายุครบรอบ 20 ปีแล้ว! ซึ่งแน่นอนว่าใครหลาย ๆ คนต่างก็เติบโตมาพร้อมกับแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียสีน้ำเงินที่ค้นตา และซีอีโออย่าง Mark Zuckerberg ก็ได้เปลี่ยนรูปโปรไฟล์ตัวเอง ย้อนไปสมัยเมื่อ Meta ยังถูกเรียกว่า “TheFacebook” อยู่
สำหรับโลกของแบรนด์ดิงแล้วเรื่องลิขสิทธิ์ หรือทรัพย์สินทางปัญญาเป็นเรื่องสำคัญ เพราะบางอย่างก็เป็นสิ่งที่เริ่มต้นสร้างขึ้นมาใหม่ โดยไม่ได้หวังให้ใครมาลอกเลียน ซึ่งทาง Meta ก็รู้และเข้าใจดี จึงมีเครื่องมืออย่าง Brand Rights Protection ออกมา เพื่อป้องกันเรื่องละเมิดลิขสิทธิ์สำหรับแบรนด์โดยเฉพาะ
ใครที่เป็นผู้โชคดีและได้ลองฟีเจอร์ใหม่ก่อนใคร เมื่อเข้าไปหน้า Facebook ก็จะเจอกับหน้าพรอมพ์ป๊อบอัปเด้งขึ้นมาว่าสามารถใช้งานฟีเจอร์ “Link History” ได้ โดยตอนนี้กำลังทยอยอัปเดตให้ผู้ใช้งานทั่วโลกได้ใช้กันผ่าน iOS และ Android เท่านั้น (ยังไม่มีเวอร์ชันเดสก์ท็อป)
ในแวดวงคอนเทนต์ครีเอเตอร์ โซเชียลมีเดียหมายเลข #1 อย่าง “Facebook” มักจะเป็นตัวเลือกแรก ที่ครีเอเตอร์หน้าใหม่มาลงสนาม ลองสร้างฐานผู้ติดตามของตัวเอง แต่ก็มักจะมีคำบอกต่อกันมาว่า Facebook สร้างฐานผู้ติดตามยาก หรือมีแต่คนมีอายุใช้กัน วันนี้ทาง RAiNMaker จึงอยากมาแชร์ ว่าจะปลดล็อกความเชื่อผิด ๆ เหล่านั้นได้ ต้องรู้จักใช้เครื่องมือ หรือฟีเจอร์อะไรเข้ามาช่วยบ้าง!
ในปี 2023 นั้น นับว่าแพลตฟอร์ม Social Media มีการเปลี่ยนแปลงมากมาย ทั้งอัลกอริทึม และไซซ์ในการโพสต์ที่ทำเอาครีเอเตอร์ และคนมีเพจเปลี่ยนแทบไม่ทัน รวมถึงการมาแรงของคอนเทนต์ฟอร์แมตวิดีโอของทุกแพลตฟอร์มก็สำคัญไม่แพ้กัน RAiNMaker เลยจะมาแจก Social Size เตรียมรับปีหน้ากัน!
ในยุคที่อะไร ๆ ก็ต้องมี AI หลาย ๆ แพลตฟอร์มก็เริ่มออกเครื่องมือที่ช่วยให้การทำงานสะดวกมากขึ้น รวมถึง Meta ก็เช่นกัน ที่เปิดพรีวิวทดลองใช้งาน “Emu Video” โปรเจกต์ Generative AI โดยการพิมพ์ข้อความเป็นพรอมพ์พร้อมสร้างภาพ และวิดีโอได้ ซึ่งจะสามารถใช้ทั้งกับ Facebook และ Instagram เลยด้วย
ในปัจจุบัน Reels ดูเหมือนจะกลายเป็นจุดโฟกัสหลักของ Meta ไปแล้ว ไม่ว่าจะเป็นทั้ง Facebook Reels หรือ Instagram Reels ก็ตาม ฝั่งผู้บริหาร Instagram อย่าง Adam Mosseri ก็คอนเฟิร์มแล้วว่ามีแอคเคานท์ใหม่กว่า 50% ที่ใช้เวลากับ Instagram เพราะไถ Reels ซึ่งเป็นเหตุให้ต้องมีการอัปเดต UI เครื่องมือการตัดต่อ เพื่อกระตุ้นเหล่าครีเอเตอร์ และสาวก Reels ต่อไป
หากโลกของสตรีมมิงไร้โฆษณา มีโอกาสจะเป็นไปได้ไหมถ้าแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียต่าง ๆ จะไร้โฆษณาบ้าง? คำตอบคือเป็นไปได้! เพราะตอนนี้ Meta กำลังแจ้งไปยังผู้ใช้โซนยุโรปแล้วว่าใครที่อยากใช้ Facebook หรือ Instagram แบบ Ad-free จะต้องจ่ายเพิ่มเดือนละประมาณ 720 บาท
ในยุคที่วิดีโอสั้นมาแรง แน่นอนว่าผู้คนก็หันไปสร้างคอนเทนต์ทั้งบน TikTok, Shorts และ Reels กันมากขึ้น ซึ่ง Meta ก็ได้ประกาศเครื่องมือใหม่อย่าง “Caption Test” สำหรับทดสอบ Reels A/B ออกมาเพื่อดูความสนใจกลุ่มเป้าหมายก่อนลงโพสต์จริงได้ด้วย
เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า
