ThisAble.me เพจสื่อสารประเด็นคนพิการที่เฟี้ยวเงาะที่สุดในตอนนี้ที่เชื่อว่าทุกคนล้วนมีความเป็นมนุษย์ที่เท่าเทียมกัน ด้วยการนำเสนอโลกของคนพิการอย่างเป็นมนุษย์ ซึ่งทำให้คนปกติได้เข้าใจพวกเขามากขึ้นจากประเด็นสังคม การเมือง ศิลปะและวัฒนธรรม และการใช้ชีวิต ผ่านมุมมองของสองนักสร้างคอนเทนต์อย่าง ‘หนู-นลัทพร ไกรฤกษ์’ และ ‘รักษ์-คชรักษ์ แก้วสุราช’
นิยามของ ThisAble.me
สื่อที่อยากสร้างความเข้าใจว่าใคร ๆ ก็เป็นคนพิการได้ถ้าถูกสังคมกดทับอยู่
ThisAble.me เป็นสื่อที่ทำเกี่ยวกับประเด็นความพิการที่กว้างขึ้น ไม่ใช่แค่ความพิการ 7 ประเภทตามข้อกำหนดการรัฐ เพราะเวลาเห็นประเด็นคนพิการในสื่อกระแสหลัก มักจะอยู่ช่วงหลังข่าวที่แสดงแต่ด้านความยากลำบาก สู้ชีวิตด้วยความน่าสงสารให้คนมาบริจาคหรือให้ความช่วยเหลือ ซึ่งไม่ได้มีประเด็นที่ทำให้มองเห็นว่าปัญหาเหล่านั้นควรได้รับการแก้ไขที่ถูกต้องจากสวัสดิการของรัฐบาล ไม่ใช่เม็ดเงินจากประชาชน
ซึ่งในปัจจุบันผู้คนก็เกิดการรับรู้และเข้าใจเรื่องของคนพิการมากขึ้น รวมถึงสื่อออนไลน์ก็มีความระมัดระวังในการนำเสนอด้วย ThisAble.me จึงอยากเป็นพื้นที่ที่ส่งเสียงในประเด็นนี้ให้ใหญ่ขึ้นอีก เพราะใคร ๆ ก็สามารถเป็นคนพิการได้ แม้กระทั่งคนที่ถูกกดขี่ในสังคม คนที่ได้รับความเหลื่อมล้ำจากสังคม คนชายขอบก็นับว่าเป็นคนพิการหมด
จุดเริ่มต้นของ ThisAble.me
อยากเติบโตเป็นพื้นที่สื่อของคนพิการให้สังคมเข้าใจความเท่าเทียมโดยไม่มีการแบ่งแยก
จุดเริ่มต้นกว่าจะมาเป็น ThisAble.me ในปัจจุบัน มาจากการที่ หนู และรักษ์เข้าค่ายอบรมการเขียนข่าวเพื่อสิทธิคนพิการ และฝึกงานที่ประชาไท หลังจากจบค่ายจึงออกมาทำเพจ และเว็บไซต์เป็นของตัวเอง โดยมีความคิดว่าจะทำให้เว็บไซต์นี้เข้าถึงได้ทุกคน รวมถึงเป็นพื้นที่ปล่อยให้กับคนในค่ายก่อนตอนแรก แต่เว็บไซต์ก็เติบโตขึ้นกลายมาเป็นพื้นที่สื่อเสนอประเด็นคนพิการที่ทำต่อเนื่องมาจนถึงทุกวันนี้เพราะอยากจะทำให้สังคมเข้าใจความเท่าเทียมของมนุษย์มากขึ้นโดยไม่มีการแบ่งแยก ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นเพจสื่อสารประเด็นคนพิการที่เฟี้ยวเงาะที่สุดในตอนนี้เลยก็ว่าได้
Soft Power ฉบับ ThisAble.me
พื้นที่ที่ให้คนพิการและคนปกติมีโลกใกล้กันมากขึ้น
ThisAble.me ในตอนแรกยังไม่ได้เป็นที่รู้จักมากนัก แม้กระทั่งในแวดวงของคนพิการเองก็ตาม แต่ตอนนี้ชื่อของ ThisAble.me เปรียบเสมือนกระบอกเสียง และพื้นที่สื่อให้คนทั่วไปในสังคมได้ทำความเข้าใจความเป็นมนุษย์ของพวกเขามากกว่าจะโฟกัสแค่คำว่าพิการ
เพราะยังมีอีกหลายคนที่ยังมีความเข้าใจผิด ๆ เกี่ยวกับคนพิการ เช่น การหลีกเลี่ยงที่จะใช้คำเรียกคนตาบอด ซึ่งความจริงแล้วคนตาบอดเป็นคำที่เรียกได้ และไม่มีความจำเป็นที่จะต้องนึกคำที่มาอธิบายขนาดนั้น นอกจากนี้ก็อยากจะนำเสนอเนื้อหาที่หลากหลายไม่ว่าจะเป็นด้านไลฟ์สไตล์, สุขภาพ, ความบันเทิงที่สะท้อนสังคมมากขึ้น เพื่อแสดงถึงปัญหาความเหลื่อมล้ำ และซัพพอร์ตประเด็นคนพิการให้คนได้เห็นภาพปัญหาในวงกว้างด้วย
เนื่องจากเรื่องของคนพิการจะถูกแชร์จากคนปกติทั่วไปที่มองว่าคอนเทนต์เป็นประโยชน์ และสามารถสร้างความเข้าใจในการอยู่ร่วมกันได้ โดยไม่ลดทอนคุณค่าของคน หรือแบ่งแยกกันเพียงเพราะมีกลุ่มคนที่พิการที่ความจริงแล้วไม่ได้เกิดจากสภาพร่างกาย แต่เกิดขึ้นเพราะสังคมไม่มีความเอื้ออำนวย และทำให้เห็นว่ายังมีคนอีกมากที่ไม่สามารถเข้าถึงอะไรหลายอย่างในสังคมนี้ เลยอยากทำให้คำว่าพิการเป็นคำที่ปกติมากขึ้น แม้กระทั่งคนปกติก็สามารถจัดอยู่ในคนพิการได้ เพราะเมื่อมีอะไรที่ทำให้สังคมเข้าไม่ถึง ก็ถือว่าพิการได้เสมอ
ภาพจำของที่ ThisAble.me อยากให้มองเห็น
ประเด็นของคนพิการที่สื่อออกมาทำให้เห็นความเหลื่อมล้ำทางสังคม
ภาพจำของ ThisAble.me ไม่เคยบอกหรือนำเสนอว่าทีมงานที่อยู่เบื้องหลังเป็นคนพิการ แต่อยากให้คนที่พึ่งเข้ามารู้จักกันได้รู้ว่า ThisAble.me เป็นสื่อที่จะทำให้เข้าใจคนพิการอย่างเป็นมนุษย์มากกว่า
เพราะคอนเทนต์แม้จะเป็นแนวไลฟ์สไตล์ทั่วไป รวมถึงสิทธิคนพิการที่ควรได้รับ และความเหลื่อมล้ำในสังคมที่พวกเขาพบเจอ มันกลายเป็นเรื่องปกติในชีวิตประจำวันของคนพิการไปแล้ว แต่คนที่เป็นกระบอกเสียงแชร์คอนเทนต์เหล่านี้ออกไป มักจะเป็นผู้คนทั่วไปหรือนักเคลื่อนไหวในสังคมมากกว่า เพราะการแชร์ต่อ ๆ ไปอาจมีประโยชน์ต่อคนที่เข้ามาเห็นในโลกออนไลน์ได้ ประเด็นของคนพิการจึงกลายเป็นเรื่องที่ใหญ่และเห็นภาพความเหลื่อมล้ำได้ทั้งระบบ เพราะบางคนอยู่ประเทศไทยมาทั้งชีวิตแต่ยังไม่เคยรู้หรือสังเกตเลย
ดังนั้น ThisAble.me จึงเป็นกระบอกเสียงของคนพิการมากกว่าสื่อที่นำเสนอความสงสารของคนพิการ เพราะข่าวที่ทำให้คนพิการน่าสงสารไม่ได้ทำให้ผู้คนมองพวกเขาอยู่ในสังคมร่วมกัน ทั้ง ๆ ที่โลกของคนพิการ และโลกของคนปกติสามารถเรียนรู้ หรือเข้าใจกันให้มากขึ้นได้หากมองว่ามีความเป็นมนุษย์เท่ากัน เพราะความพิการไม่ได้เกิดจากสภาพร่างกาย แต่เกิดจากสภาพแวดล้อมที่ไม่เอื้ออำนวย
การทำงานร่วมกับ ThisAble.me
มันถึงเวลาแล้วที่ควรให้โอกาสคนที่ไม่เคยมีพื้นที่ในสังคม
สำหรับแบรนด์หรือการโฆษณาต่าง ๆ ในประเทศไทย ยังไม่เคยเห็นภาพของคนพิการได้เป็นพรีเซ็นเตอร์ เพราะทัศนคติของคนไทยมองว่าคนพิการคือ คนอีกกลุ่มหนึ่งที่ต้องการแต่ความช่วยเหลือ และไม่เหมือนกับคนปกติทั่วไป ซึ่งมีการแยกกันอย่างชัดเจนระหว่างสิ่งของคนปกติ และคนพิการ ทำให้แบรนด์หรือโฆษณาที่มีคนพิการ แปลว่าสินค้าเหล่านั้นเหมาะกับผู้พิการเท่านั้น รวมถึงอาจทำให้ภาพลักษณ์ของแบรนด์ดูดรอปลง
ฉะนั้นการร่วมงานกันกับ ThisAble.me ต้องนำเสนอให้คนพิการสามารถใช้ชีวิตร่วมกับคนในสังคมได้แบบคนปกติทั่วไป โดยไม่ส่งเสริมมายาคติว่าพิการ แปลว่าไม่สมบูรณ์ หรือความพิการคือสิ่งที่น่ากลัว เพราะมันเป็นภาพจำของคนในสังคมมานาน ตั้งแต่โฆษณาเมาแล้วขับทำให้พิการ ทั้ง ๆ ที่การเมามีสาเหตุหลายปัจจัยมาก เลยอยากให้แบรนด์ค่อย ๆ พยายามเปลี่ยนหรือแก้ไขไปทีละเปราะ รวมถึงลบภาพจำเหล่านั้นออกไป เพราะหากมาสร้างภาพจำใหม่ ๆ ร่วมกันได้ คนพิการก็จะมีพื้นที่ในสังคมมากขึ้น โดยที่เขาไม่ต้องรู้สึกผิดที่เป็นคนพิการ แต่เป็นคนปกติที่ได้ใช้ชีวิตในสังคมได้อย่างคนทั่วไป
ThisAble.me ฝากถึงแบรนด์
คนพิการไม่ใช่เครื่องมือเพื่อการโฆษณา แต่พวกเขาคือลูกค้าเหมือนคนทั่วไป
หากมีแบรนด์ไหนที่สนใจอยากจะร่วมงานกันก็ควรเริ่มลองเลย แม้แบรนด์ไหนจะมองว่าสื่อคนพิการโฆษณาให้อาจจะไม่ตรงกับกลุ่มเป้าหมาย แต่คนพิการก็เป็นคนอีกกลุ่มหนึ่งที่มีจำนวนประชากรเยอะมาก ซึ่งควรทำให้เขารู้สึกเหมือนเป็นลูกค้าจริงๆ ไม่ใช่แค่เครื่องมือการขายของ
ซึ่งการที่แบรนด์เริ่มหันมาคำนึงถึงความหลากหลายเรื่องการอยู่ร่วมกันในสังคม ภาพลักษณ์ของแบรนด์ก็ยิ่งมีความสากลมากขึ้น ขอแค่กล้าที่จะเปลี่ยนมุมมอง และก้าวข้ามวาทกรรมสังคมที่มองความพิการเป็นมายาคติ และทำให้คนกลุ่มนี้กลายเป็นส่วนหนึ่งของแบรนด์มากขึ้น มันก็ถึงเวลาแล้วที่ควรให้โอกาสคนที่ไม่เคยอยู่ในพื้นที่เหล่านี้ได้มีโอกาสใช้ชีวิตในสังคมได้ปกติเสียที
เพราะไม่ว่าจะเป็นกลุ่มคนพิการหรือกลุ่มคนใด ๆ ก็ไม่ควรถูกแบ่งแยก เพราะทุก ๆ คนมีคุณค่าเหมือนกัน หรืออาจจะคิดว่าแบรนด์นี้ไม่ได้เกิดมาเพื่อพวกเขา แต่ถ้าสินค้าสามารถใช้ได้กับคนทุกกลุ่มจริง ๆ ก็ไม่ควรต้องกังวลว่าจะต้องร่วมงานกับสื่ออย่าง ThisAble.me เพราะถ้าแบรนด์กล้าที่จะเปลี่ยน และลุกขึ้นมาท้าทายวาทกรรม ลบมายาคติของสังคมได้ ก็นับว่าแบรนด์ได้เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้คนบนโลกนี้เท่าเทียมกันอย่างแท้จริง