สำหรับการตลาดในยุคปัจจุบันแอป TikTok นับเป็นอีกช่องทางหนึ่งที่เหล่าครีเอเตอร์ต่างให้ความสำคัญในการทำการตลาด ซึ่งนอกจากจะมีคลิปวิดีโอสั้นที่เริ่มกลายเป็นเทรนด์ของฟอร์แมตคอนเทนต์ยุคนี้แล้ว ดนตรีหรือเพลงที่ใช้ในคลิป TikTok ส่วนใหญ่ก็กลายเป็นไวรัลได้เพียงข้ามคืนด้วย ทาง RAiNMaker จึงอยากจะพาทุกคนไปสำรวจ ‘Evolution of Sound’ เพื่อใช้ในการเล่าเรื่องในคอนเทนต์กัน!
อย่างที่เรารู้กันว่าดนตรี (Instruments) และเพลง (Songs) เป็นองค์ประกอบสำคัญที่บ่งบอกมู้ดและโทนของคอนเทนต์ได้เป็นอย่างดี TikTok เลยเป็นแอปที่สามารถใช้ประโยชน์จากการสร้างบรรยากาศเหล่านั้นมาเป็นจุดเด่นได้ ส่งผลให้ศิลปินต่าง ๆ เริ่มทำเพลงออกมาเพื่อหวังว่าชาว TikToker จะค้นพบและใช้มันในการสร้างสรรค์ไวรัลคลิปนั่นเอง
‘Remixed The World of Sound’ คงเป็นคำนิยามของ TikTok ที่สร้างคอมมูนิตี้ของการรีมิกซ์เสียงหรือเพลงได้ เพราะยอดเอ็นเกจเมนต์ที่พุ่งอย่างรวดเร็วนี้สามารถขับเคลื่อนให้เหล่าครีเอเตอร์หรือศิลปินอยากจะทำเพลงขึ้นมาเจาะตลาดกับแอปนี้โดยเฉพาะ และชาว TikToker ก็จะแชร์ไปให้คนอื่น ๆ ได้ฟังกันในโลกโซเชียลด้วย แต่กลยุทธ์ที่ใช้เสียง (Sound) ของ TikTok จะใช้อย่างไรบ้าง? ตามไปดูกันเลย!
Sound is powerful
สร้างประสบการณ์ที่ดีด้วยเสียงเพลง
เสียงเพลงที่ทรงพลังไม่ได้มีแค่โน้ตที่เราได้ยินแล้วจะรู้สึกได้ แต่เสียงเพลงสำหรับ TikTok จะต้องมาพร้อมกับภาพ (Visual) ด้วย โดยเฉพาะกับช่วงเวลาที่ต้องการสร้างบรรยากาศ และผนวกเข้าด้วยกันกับอารมณ์ความรู้สึกขณะนั้นภายในคลิป
ซึ่ง TikTok ก็สามารถสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับชาว TikToker ได้เป็นอย่างดีเพียงแค่เลือกใช้เสียงเพลงที่บ่งบอกถึงมู้ดและโทนของคลิป ๆ นั้น และเสียงเพลงก็กลายเป็นส่วนสำคัญของกลยุทธ์หนึ่งในวงการโฆษณาหรือทางการค้า (Commercial) ไปแล้วด้วย
จากผลสำรวจของ TikTok พบว่ากว่า 50% ของผู้ใช้แอป TikTok รู้สึกได้รับเอเนอจี้ที่ดีหากคลิปนั้นมีเสียงเพลง และ 120% ของแบรนด์ใช้เสียงเพลงในการสร้างการรับรู้ (Awareness) ให้เสียงเพลงเป็นตัวขับเคลื่อนการขาย รวมถึงอีก 80% การันตีว่าเสียงเพลงคือสิ่งที่จะขาดไปไม่ได้เลยสำหรับคอนเทนต์ TikTok
Sound can turn up the recall
สร้างภาพจำและตัวตนของแบรนด์ด้วยเสียงเพลง
หากสโลแกน หรือโลโก้ทำให้นึกถึงแบรนด์ได้ เสียงเพลงเองก็ทำได้เช่นกัน ยกตัวอย่างจากที่แค่เริ่มฮัมเพลงขึ้นมา ในหัวของเราก็นึกภาพแบรนด์นั้น ๆ ออกทันที ซึ่งเป็นผลมาจากพลังของเสียงเพลงที่มีเอกลักษณ์สามารถสร้างภาพจำให้กับแบรนด์ได้นั่นเอง
โดยสำหรับรายการวิทยุอาจจะเรียกกันว่า Jingle เข้ารายการ หรือเสียงเพลงที่สร้างความคุ้นชินให้กับผู้คนไม่ว่าจะยุคสมัยไหน เช่น เพลงแลคตาซอย 5 บาท หรือเอ็มเคสุกี้ก็ตาม ยิ่งทำให้เห็นว่าเสียงเพลงนั้นมีคุณค่าต่อความทรงจำแค่ไหน
Sound can tell story
สร้างบรรยากาศในการเล่าเรื่องด้วยเสียงเพลง
เอกลักษณ์ของเสียงเพลงนั้นมีความสำคัญในการเล่าเรื่องมาก เพราะอย่างที่รู้กันว่าดนตรีสามารถสร้างบรรยากาศหรือบ่งบอกมู้ดโทนของเรื่องได้ ดังนั้นการจะสร้างบรรยากาศต้องเข้าใจภาพ (Visual) ให้มากที่สุดว่าเราอยากจะสื่อสารอะไรออกไปให้คนดูรู้สึก
ซึ่ง TikTok เปรียบเสมือนกับคลังของเสียงเพลงที่รอให้โลกโซเชียลได้มาค้นพบ หรือสำรวจเทรนด์ของแนวเพลงใหม่ ๆ ได้อย่างง่ายดาย ดังนั้นการวางแผนกลยุทธ์ทางการตลาดเกี่ยวกับ TikTok จึงต้องคำนึงถึงการใช้เสียงเพลงเพื่อเล่าเรื่องราวให้คนอินด้วย
แต่หากเหล่าครีเอเตอร์หรือแบรนด์ไหนยังมองเห็นภาพการใช้เสียงเพลงเพื่อเล่าเรื่องไม่ชัด อาจจะลองตั้งคำถามกับตัวเองดูว่าเสียงเพลงแบบไหนที่บ่งบอกถึงตัวตนหรือความเป็นแบรนด์มากที่สุด แต่การเลือกใช้เสียงเพลงเพื่อกลยุทธ์ทางการตลาดก็มีวิธีแตกต่างกันออกไป ดังนี้
Strategy of Sound
Trends: เลือกเสียงเพลงจากเทรนด์บนแอป TikTok
Music: สร้างแนวเพลงเองเน้นความแตกต่างไม่เหมือนใคร
Narration: พากย์เสียงเล่าเรื่องเพื่อสร้างบรรยากาศ
Sounds: สร้างแอ็กชันเป็นเสียงต้นฉบับเพื่อให้คนนำไปใช้ต่อ
จะเห็นได้ว่า Evolution of Sound นั้นมีหลากหลายรูปแบบให้เลือกใช้บน TikTok ซึ่งการเลือกใช้นั้นไม่มีขอบเขตหรือข้อกำหนดตายตัว แต่มันขึ้นอยู่กับว่าครีเอเตอร์และแบรนด์อยากจะสื่อสารตัวตนออกมาอย่างไรให้ผู้คนจดจำ ในแบบที่แค่ได้ยินเพลงก็สามารถทำให้นึกถึงภาพหรือตัวตนของแบรนด์ได้
ที่มา: TikTok – For Business