ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา TikTok ก็ได้ผลักดันการขาย และจ่ายภายในแอป รวมถึงโอกาสต่าง ๆ ที่พ่อค้า และแม่ค้าจะสามารถสร้างรายได้มาสักพักใหญ่ ๆ แล้วด้วย TikTok Shop แต่ปีนี้จะเน้นไปที่โลกอีคอมเมิร์ซในตลาดอเมริกามากขึ้น โดยบูสต์การขายแบบ In-stream ถึง 10 เท่าด้วย!
หากเทียบกับประเทศจีนกับแอป Douyin ที่เน้นการขายแบบ In-stream มาก ๆ และสร้างรายได้ให้กับพ่อค้า แม่ค้าด้วย ก็มีเทมเพลต และอินเทอร์เฟซที่คล้ายกับ TikTok ด้วย นี่จึงอาจจะเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้ TikTok อยากมาโฟกัสการขายของแบบ In-Stream Ads
โดยเฉพาะกับชาว TikTok ในอเมริกาที่ดูจะแอ็กทีฟน้อยมาก ๆ กับการซื้อของออนไลน์ผ่าน TikTok เพราะมีแพลตฟอร์มช้อปออนไลน์ที่ครองถิ่นนี้อยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็น Amazon หรือ eBay ก็ตาม
ทำให้ TikTok ต้องผลักดันด้านอีคอมเมิร์ซในอเมริกามากขึ้น โดยรายงานจาก Bloomberg ก็บอกไว้ด้วยว่า TikTok ตั้งเป้าแล้วที่จะขยายอีคอมเมิร์ซเป็น 10 เท่า หรือเท่ากับ 17.5 พันล้านดอลลาร์ในปีนี้
ซึ่งในแอป Douyin จะเน้นการช้อปปิ้งออนไลน์ และขายของผ่านการสตรีมสด ทำให้การสตรีมมิงนับเป็นอุตสาหกรรมหลักของจีนไปด้วย แต่วิธีนี้ใช้ไม่ได้ และไม่ดึงดูดมากพอสำหรับชาว TikTok ในอเมริกาอยู่ดี ไม่ว่าเหตุผลนั้นจะเป็นเพราะ TikTok มีเจ้าของเป็นชาวจีน หรือการสตรีมมิงไลฟ์สดยังไม่ถูกใจชาวอเมริกาก็ตาม
และแม้ว่าการซื้อของในอเมริกาส่วนใหญ่จะใช้ TikTok Coins ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้สามารถซื้อของขวัญเสมือนจริงในแอป และสามารถแลกเปลี่ยนเป็นสกุลเงินในโลกแห่งความเป็นจริงได้ แต่ไม่ใช่การซื้อของผ่าน TikTok Shop ก็ยังพอจะมีช่องเพิ่มโอกาสขยายธุรกิจอีคอมเมิร์ซในอเมริกาได้อยู่
ต่างจาก Douyin ที่ขยาย In-Stream ไปสู่การให้บริการแบบท้องถิ่นอย่างการเดลิเวอรี่อาหารแล้ว การเริ่มต้นด้วยการอำนวยความสะดวกในระดับธุรกิจเล็ก ๆ ก็อาจะช่วยให้ TikTok ดันให้ผู้คนใช้จ่ายในแอปมากขึ้นได้ เช่น Temu แบรนด์จีนที่กำลังแมสในตลาดตะวันตกอย่างรวดเร็ว
และหาก TikTok สามารถดันตลาดการช้อปปิงออนไลน์แบบ In-stream ได้มากขึ้น ก็คาดว่าทั้งพ่อค้า แม่ค้า และแบรนด์ก็จะสามารถจะโน้มน้าวให้ผู้คนซื้อสินค้าที่สนใจจากไลฟ์สตรีมได้มากขึ้น
