22 พฤษภาคม ทวิตเตอร์ประเทศไทย (ในการดูแลของ Media Donuts ซึ่งเป็นตัวแทนของทวิตเตอร์) ได้จัดงาน #WhatsHappeningTH ซึ่งนับว่าเป็น Event Keynote อย่างเป็นทางการของทวิตเตอร์ครั้งแรกในประเทศไทย โดยในงานจะมีการอัพเดทสถิติต่าง ๆ ที่น่าสนใจ รวมถึงอัพเดทเทรนใหม่ ๆ พร้อมเปิดตัวความสามารถใหม่ที่จะทำให้แบรนด์ หรือเอเจนซีสามารถทำโฆษณาบนทวิตเตอร์ได้ง่ายและได้ผลมากขึ้น
ก่อนหน้านี้ทวิตเตอร์ได้เริ่มเปิดให้ผู้ใช้งานในไทยสามารถซื้อโฆษณา (คล้ายกับการ Boostpost บน Facebook) ได้แล้ว แต่รูปแบบนั้นจะยังคงเป็นเหมือนกับทวีตทั่วไปอยู่ และก่อนหน้านี้ไม่กี่เดือนทวิตเตอร์ก็เพิ่งประกาศให้เราสามารถซื้อการขึ้นเป็น Trend ได้ เพื่อเพิ่มยอดการเข้าถึงและการรับรู้ให้กับแบรนด์
วันนี้ทวิตเตอร์ประกาศว่าทวิตเตอร์เห็นความสำคัญและพลังของวิดีโอ ซึ่งเมื่อพูดถึงวิดีโอเราอาจจะนึกถึง Facebook หรือ YouTube แต่จริง ๆ แล้วทวิตเตอร์เคลมว่าทวิตเตอร์นั้นเป็นคลังวิดีโอที่ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับที่สาม และสิ่งที่น่าสนใจคือ ทางทวิตเตอร์บอกว่า ประสบการณ์การชมวิดีโอบนทวิตเตอร์นั้นผู้ใช่รู้สึกว่าถูกรบกวนน้อยมาก หรือพูดง่าย ๆ ก็คือผู้ใช้งานได้ดูสิ่งที่ตัวเองอยากจะได้ดูจริง ๆ และไม่ถูกรบกวนด้วยคอนเทนต์อื่น ๆ ด้วยเหตุนี้ทางทวิตเตอร์จึงหันมาสนใจแพลตฟอร์มวิดีโอมากขึ้น
เปิดตัว 4 ฟีเจอร์ใหม่ เน้นโฆษณาแบบวิดีโอ
เมื่อเห็นเช่นนี้แล้วทวิตเตอร์จึงได้ทำการเปิดตัว 4 ฟีเจอร์ใหม่ ซึ่งเป็นความสามารถที่จะให้แบรนด์หรือเอเจนซีมาซื้อเพื่อลงโฆษณาบนทวิตเตอร์ได้ โดย 4 ความสามารถหลักมีดังนี้
- Video Trend Promotion จากเดิมที่เราสามารถซื้อ Hashtag บนทวิตเตอร์ ตอนนี้เราสามารถนำวิดีโอไปเล่นบน Hashtag นั้นได้แล้ว เพื่อเพิ่มความน่าจดจำให้กับแคมเปญนั้น ๆ
- Video Media Poll ฟีเจอร์โพลนั้นเป็นความสามารถทั่วไปของทวิตเตอร์อยู่แล้ว แต่สิ่งที่เพิ่มขึ้นมาคือแบรนด์จะสามารถใส่วิดีโอ แล้วให้มี Poll ขึ้นอยู่ด้านล่างวิดีโอนั้นได้
- Interactive Ads แทนที่จะทำการทวีตหรือลงรูปภาพธรรมดา แบรนด์สามารถเพิ่มตัวเลือกเป็นปุ่ม Action ได้ เช่น ให้ทวีตเกี่ยวกับแคมเปญนี้ผ่าน Hashtag
- In-stream sponsorship ช่วงหลังนี้ทวิตเตอร์หันมาเปิดให้มีการ Live หรือถ่ายทอดสดมากขึ้นโดยเฉพาะการแข่งขันกีฬาสำหรับฟีเจอร์นี้แบรนด์จะสามารถซื้อโฆษณาช่วงก่อนที่คนจะกดดู Live และเล่น Pre-roll Video สั้น ๆ ไม่กี่วินาทีเท่านั้นก่อนที่ Live จะเริ่มเล่น (คล้ายกับการตัดเข้าการแข่งขันสดเวลาชมในทีวี) ซึ่งนับว่ายังไม่มีโซเชียลไหนนำมาก่อน ทั้ง Facebook และ YouTube
จะเห็นว่าทุกฟีเจอร์ที่กล่าวมานี้เกี่ยวกับวิดีโอหมดเลย ในยุคนี้นั้นคงไม่มีเทรนไหนที่จะฮิตไปกว่าวิดีโออีกแล้ว ตั้งแต่ Facebook พยายามทำตัวเป็น YouTube และคลังวิดีโอ ทางทวิตเตอร์ก็ตามมาติด ๆ ไม่แพ้กันโดยทวิตเตอร์บอกว่าคอนเทนต์วิดีโอบนทวิตเตอร์นั้นจะเป็นวิดีโอสั้น ๆ ที่บันทึก moment สำคัญ ๆ อย่าง Highlight ของการแข่งขันกีฬา หรือเหตุการณ์สำคัญต่าง ๆ ตามเป้าหมายของทวิตเตอร์เพื่อที่จะให้เป็นตัวแทนที่บอกว่า โลกนี้กำลังเกิดอะไรขึ้น
ประกาศความร่วมมือกับไทยลีก นำฟุตบอลไทยมาโลดแล่นบนทวิตเตอร์
วงการฟุตบอลกับทวิตเตอร์นั้นเป็นอะไรที่ควบคู่กันมา เวลาที่มีแมตช์สำคัญ ทวิตเตอร์นั้นเรียกได้ว่าแทบจะเป็นสนามรบของบรรดาแฟน ๆ ที่ต่อให้คนไม่ได้ดูการถ่ายทอดสดก็รู้เรื่องว่าเกิดอะไรขึ้น หรือมีการยิงประตูเกิดขึ้น ทวิตเตอร์นั้นเป็นโซเชียลเน็ตเวิร์คที่ผ่านเหตุการณ์สำคัญ ๆ อย่างฟุตบอลโลกมาถึง 2 ครั้งในปี 2010, 2014 และที่กำลังจะเกิดขึ้นใน 2018 นี้ ในปี 2014 ทวิตเตอร์ได้แสดงศักยภาพในการเป็นโซเชียลเน็ตเวิร์คแบบ realtime ได้แบบไร้ข้อสงสัย
สำหรับในยุคที่วงการฟุตบอลไทยนั้นกำลังเติบโต คนไทยหันมาสนใจฟุตบอลกันมากขึ้นทวิตเตอร์เห็นโอกาสนี้ที่จะสร้างฐานผู้ใช้ที่ติดตามฟุตบอล จากเดิมที่ส่วนมากผู้เขียนเห็นว่าคนที่ใช้ทวิตเตอร์ในไทยถ้าไม่เป็นติ่งเกาหลี ก็จะเป็นกลุ่มไอทีหรือติดตาม Influlancer ต่าง ๆ ถ้าหากได้กลุ่มแฟนบอลมาก็จะทำให้ทวิตเตอร์นั้นมีความหลากหลายและมี active user มากขึ้น
สำหรับความร่วมมือนั้นทวิตเตอร์ประกาศว่าจะมีการ
- สร้างบัญชีอย่างเป็นทางการของไทยลีก
- มีการกระตุ้นบทสนทนาในด้านฟุตบอล ลงคลิป Highlight หรือช็อตสำคัญ
- มีการสัมภาษณ์นักเตะ (หรือบัญชีของนักเตะ) มีการทำ Q&A
- มีการทำคอนเทนต์ในเชิง Interactive ให้เลือกโหวต MVP หรือพูดคุยต่าง ๆ
โดยตอนนี้ทางไทยลีกและทวิตเตอร์ประเทศไทยได้ลงมือเริ่มต้นความร่วมมือนี้กันแล้ว และแน่นอนว่านี่จะเป็นอีกหนึ่งก้าวของวงการทวิตเตอร์ในประเทศไทยเลยทีเดียว
สรุปแล้ว ทวิตเตอร์ยังคงเติบโตได้ โดยไม่ทิ้งแก่นเดิม
ในยุคที่ทุกอย่างเปลี่ยนไปเร็วมากหลายโซเชียลเน็ตเวิร์คเริ่มต้องทำการปรับตัว อย่างเช่น Facebook เองก็กำลังพยายามเป็น Instagram พยายามเป็น Snapchat พยายามเป็น YouTube เพื่อให้มีความทันสมัยและกลายเป็นโซเชียลในยุคมือถือมากขึ้น แต่สิ่งที่ทวิตเตอร์ทำนั้นค่อนข้างเห็นได้ชัดว่าทวิตเตอร์ยังคงยึดหลักความเป็นทวิตเตอร์อยู่ คือเป็นแพลตฟอร์มที่สะท้อนสิ่งที่เกิดขี้นบนโลก และเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นได้ในแบบ realtime ฟีเจอร์ทั้งหมดนี้ก็ยังคงย้ำเตือนในแนวคิดนี้ และก็น่าสนใจมากว่าแม้พฤติกรรมการใช้งานโซเชียของคนจะเปลี่ยนไปแค่ไหน แต่คนเล่นทวิตเตอร์ก็ยังมีความเป็นคนเล่นทวิตเตอร์อยู่ สำหรับผู้เขียนแล้วทวิตเตอร์นั้นแทบจะตอบโจทย์ความเป็นโซเชียลเน็ตเวิร์คได้อย่างไม่ต้องมีข้อสงสัย
เรียบเรียงโดย ทีมงาน RAiNMAKER