ตอนนี้ Twitter ได้เริ่มจ่ายเงินให้ครีเอเตอร์ที่เป็น Verified Account หรือแอคเคาต์ที่มีเครื่องหมายถูกสีฟ้า เป็นส่วนแบ่งจากโฆษณาที่แสดงบนทวีตและในการตอบกลับ (Reply) โดยมีเงื่อนไขว่าครีเอเตอร์จะต้องสมัครบริการ Twitter Blue และมี Tweet Impression มากกว่า 5 ล้านครั้งต่อเดือน ในระยะเวลา 3 เดือนที่ผ่านมา
สำหรับงบในการจ่ายให้กับครีเอเตอร์รอบแรกอยู่ที่ 5 ล้านดอลลาร์ และจะสะสมตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์เป็นต้นไป ซึ่งจะจ่ายผ่าน Stripe โดยแอคเคาต์ @krassenstein ผู้สื่อข่าวที่มีผู้ติดตามกว่า 750,000 คน ได้ออกมาทวีตว่าเขาได้รับเงินจาก Twitter เกือบ 25,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 867,000) เลยทีเดียว!
Twitter just paid me almost $25,000. pic.twitter.com/oIJ2Ycymzb
— Brian Krassenstein (@krassenstein) July 13, 2023
FULL TRANSPARENCY
Minutes after Twitter announced ad revenue payouts, I received this saying I’ll be paid $7,153
For reference, I had 328 million tweet impressions in the last 28 days
These are awesome payout numbers & I encourage every single creator to share their content… pic.twitter.com/BD4O2QaVXE
— Ashley St. Clair (@stclairashley) July 13, 2023
นอกจากนี้ ก็ยังมีครีเอเตอร์คนอื่น ๆ ออกมาทวีตว่าได้รับเงินเช่นกัน รวมถึงแอคเคาต์ @stclairashley Ashley St. Clair นักเขียน Babylon Bee ที่มีผู้ติดตาม 710,000 คน ออกมาทวีตว่าได้เงิน 7,153 ดอลลาร์ (ประมาณ 247,350 บาท) โดยเธอมี Impression ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ถึงเดือนกรกฎาคมอยู่ที่ประมาณ 840 ล้าน จะได้เรตประมาณ 0.0085 ดอลลาร์ CPM หรือ 8.52 ดอลลาร์ต่อล้านครั้ง ซึ่ง CPM อาจเปลี่ยนแปลงได้ตามบุคคล
การสร้างรายได้จากโฆษณาบนทวีตและการตอบกลับ อาจช่วยผลักดันให้ครีเอเตอร์สร้างแรงจูงใจให้คนเข้ามาตอบกลับทวีตและสร้างบทสนทนามากขึ้น โดยเฉพาะทวีตที่เกี่ยวข้องกับเรื่องของอารมณ์และความรู้สึกจะสามารถสร้างเอนเกจเมนต์ได้ดี
ส่วนข้อจำกัดของประเภทคอนเทนต์ในการสร้างรายได้ที่ Twitter จะไม่จ่ายเงินให้ ได้แก่ คอนเทนต์ที่เกี่ยวกับเรื่องเพศ, การแชร์ลูกโซ่, ความรุนแรง, พฤติกรรมอาชญากรรม, พนัน, แอลกอฮอล์และสารเสพติด รวมถึงไม่สามารถนำคอนเทนต์ที่ติดลิขสิทธิ์มาสร้างรายได้ได้
แต่ในขณะที่ Twitter จ่ายเงินให้ครีเอเตอร์นั้น ฝั่งบริษัทเองก็ยังเผชิญการฟ้องร้องเนื่องจากไม่จ่ายค่าตอบแทนให้พนักงานที่ถูกไล่ออกไปตั้งแต่อีลอน มัสก์เข้ามาบริหาร ซึ่งคิดเป็นจำนวนเงินทั้งหมดกว่า 500 ล้านดอลลาร์ แถม Twitter เองก็ไม่ได้จ่ายเงินค่าเช่าสำนักงานอีกด้วย
ที่มา: TechCrunch