เชื่อว่าหลายคนคงมีบัญชี Twitter ไว้ตามศิลปินหรือคนดังที่ชื่นชอบ ซึ่งกิจกรรมหลักของ Twitter ก็คือการ retweet ซึ่งก็แน่นอนว่าทำได้ง่ายและรวดเร็วมากกว่า ตอนนี้ timeline ของบางคนอาจจะมีแต่การ retweet จนบางคนแทบไม่อยากให้เพื่อน follow เลยก็ได้ ซึ่งแน่นอนว่าสิ่งนี้ดูเหมือนว่า Twitter อาจจะไม่ชื่นชอบเท่าไหร่
ปรากฏการณ์นี้เกิดขึ้นเช่นกันในต่างประเทศ ในรายงานของ Digiday บอกว่า mainstream attention ของ Twitter (ในสหรัฐอเมริกา) จะเป็น Tweet ของ Donal Trump หรือ Kanye West (ฮา) ซึ่ง Twitter ก็พยายามแก้ปัญหานี้อยู่ด้วยการทำให้เกิด conversation ในระดับบุคคลบน Twitter มากขึ้น ซึ่งปัจจุบันการเกิดบทสนทนาบน Twitter ก็คือการ reply ต่อกันไปเรื่อย ๆ (เรียกว่า thread) หรือการพูดถึงประเด็นต่าง ๆ ผ่านทาง Hashtag แต่ Twitter ก็พยายามสร้างบริบทการสนทนาที่กระตุ้นการสนทนาไปมากกว่านี้
แผนการกระตุ้นบทสนทนาของ Twitter
ก่อนหน้านี้ทีมงาน RAiNMAKER ได้นำเสนอการเพิ่มฟีเจอร์ของ Twitter บางส่วนแล้ว เช่น เพิ่มฟีเจอร์ Live Broadcasts นำประเด็นที่กำลังเกิดขึ้นสด ๆ มาแสดงบน Timeline ที่เป็นการนำข่าวสารต่าง ๆ มาไว้ด้านบนแล้วมีพื้นที่สำหรับการสนทนาและทวีต ที่เกี่ยวข้องด้านล่าง หรือการปรับหน้า หน้าตาการตอบกลับแบบใหม่ เน้นเหมือนคอมเม้นมากขึ้น มีการใช้สีต่าง ๆ ที่บอกว่า reply นี้ reply ใคร ประเด็นไหน
ล่าสุดอีกหนึ่งฟีเจอร์ที่ทาง Digiday รายงานว่า Twitter จะเพิ่มเข้ามาก็คือ Status ณ ตอนนั้น นึกภาพสมัยก่อนตอนที่เราเล่น MSN กัน เราจะสามารถตั้ง Status ได้ว่า กำลังออนไลน์อยู่, ไม่ว่างตอบ, ออฟไลน์ หรือสามารถเพิ่มคำต่าง ๆ ได้เช่น “เหงาจัง”, “หิวข้าว”, “เบื่อ” หรือ “โสด ชวนคุยหน่อย” อะไรก็ตาม
ซึ่งก็ดูเหมือนว่าจะเป็นจริง ตอนนี้ผู้ใช้งานบางคนเริ่มเห็นสัญลักษณ์สีเขียวด้านข่างรูปโปรไฟล์เพื่อแสดงว่า ผู้ใช้งาน Twitter คนนั้นกำลังออนไลน์อยู่
ซึ่งสิ่งนี้ดูเหมือนว่าผู้ใช้งานทวิตเตอร์จะใช้กันอยู่บ้างแล้วผ่านการเปลี่ยนชื่อ Twitter (ชื่อที่แสดงไม่ใช่ Hastag) ที่เชื่อว่าหลาย ๆ คนก็ทำ สิ่งที่ดีก็คือ Twitter ไม่ได้มีนโยบายการตั้งชื่อที่เข้มงวดเท่า Facebook และสามารถแก้ไขชื่อตัวเองได้เรื่อย ๆ
อย่างไรก็ตามแนวทางของ Twitter ก็ยังคงไม่เปลี่ยน
ตั้งแต่ Twitter เปิดตัว เป็นเวลากว่า 10 ปีที่ Twitter ทำหน้าที่เป็น “SMS” แห่งโลกอินเทอร์เน็ต และคอยสะท้อนเรื่องราวต่าง ๆ บนโลกออนไลน์ให้ขึ้นมาเป็นบทสนาบนโลกออนไลน์ โดยเฉพาะคนไทยก็น่าจะคุ้นเคยเวลามี Hastag ต่าง ๆ ขึ้นมาเป็นประเด็น และถูกนำมาพูดถึงกันอย่างเป็นวงกว้าง ไม่ว่าจะเป็น ดราม่าบุคคล, ดราม่าสังคม, ข่าว, หนังและละคร ต่าง ๆ
แนวทางของ Twitter ไม่เปลี่ยนมาก คือการเป็น conversation ให้กับคนทั้งโลก การที่ Twitter พยายามเพิ่มฟีเจอร์ต่าง ๆ เพื่อสร้างบริบทการสนทนาที่เข้ากับสังคมปัจจุบันมากขึ้นก็เป็นความพยายามสำคัญของ Twitter ที่ทำให้ Social Network ที่เกิดมาในยุคเดียวกับ Facebook นั้นยังอยู่ได้และไม่หายไปตามกาลเวลา