แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียนอกจากเรื่องของอัลกอริทึม และฟีเจอร์ที่มักจะมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลาแล้ว เรื่องที่แต่ละแพลตฟอร์มจะโฟกัสมากขึ้นก็มีการเปลี่ยนแปลงไปด้วย เพื่อให้ยังคงมีผู้คนคอยสร้างคอมมูนิตี้ หรือคอนเน็กชันด้วยกันอยู่ แต่ในปีนี้ Social Media Marketing Trends ในภาพรวมของต่างประเทศที่สำคัญจะมีอะไรบ้าง ไปดูกัน!
เป็นแพลตฟอร์มที่การันตีด้วยยอดจำนวนผู้ใช้ที่แอ็กทีฟต่อวัน และมีการเปลี่ยนแปลงอยู่บ่อยครั้ง อย่างปีที่แล้วการจัด Layout หน้าฟีดก็เปลี่ยนไปเช่นกับรวมถึง UI ด้วย แต่ก็มีหลายจุดที่ Facebook อยากจะโฟกัสเพิ่มขึ้นในปีนี้
Messaging
แม้ที่ประเทศไทยจะไม่ได้ใช้ Messaging ในเชิงธุรกิจมากเท่ากับต่างประเทศ เพราะต้องใช้สนทนาแบบ Private Group ในแต่ละบริษัท หรือพูดคุยกับลูกค้า แต่ Facebook ก็มีแนวโน้มที่จะพัฒนา Option บางอย่างเพิ่มขึ้น เช่น การเพิ่ม Message Ads เป็นต้น
Reels
จากสถิติที่มีการเล่นวิดีโอบน Reels 2 แสนล้านครั้งต่อวัน ก็ไม่แปลกที่ Meta จะหันมาโฟกัสคอนเทนต์ Short-form บน Facebook มากขึ้น โดยเฉพาะ Reels ad ในการโฆษณาโปรดักเพื่อดึงดูดการลงคอนเทนต์ของแบรนด์มากขึ้นด้วย
AI
ในช่วงที่ซีอีโอของ Meta อย่าง Mark Zuckerberg กำลังอินกับเรื่องของ AI อยู่ ก็คาดว่าในปีนี้ Meta จะมีเครื่องมือเกี่ยวกับ AI มากขึ้น ซึ่งฟังก์ชันเหล่านั้นน่าจะคุ้มค่าต่อการใช้งานที่สะดวก และประหยัดเวลามากขึ้นในการทำ Social Marketing บน Facebook
อีกแพลตฟอร์มที่สำคัญในเครือ Meta ที่กลายเป็นคีย์สำคัญของโลกการตลาดในยุคนี้ เพราะผู้คนเจนใหม่ต่างก็ใช้ Instagram เป็นช่องทางการสื่อสาร และเข้าถึงพฤติกรรมการใช้งานคนรุ่นใหม่มากขึ้น และแน่นอนว่าสิ่งที่ Instagram จะโฟกัสมากขึ้น ก็จะยกระดับคอนเทนต์แบบ Reels ที่เป็น Main Key Focus อันดับแรกไปอีก
Reels
เพราะเป็นช่วงที่ Instagram กำลังเก็บเกี่ยวเอ็นเกจเมนต์จากคอนเทนต์บน Reels ได้อยู่เรื่อย ๆ ก็เป็นโอกาสที่ดีสำหรับแบรนด์ หรือครีเอเตอร์ที่อยากดันเอ็นเกจเมนต์บน Reels เช่นกัน ฉะนั้นหากรู้ว่าธุรกิจของเราควรจะโฟกัส Short-Video แบบไหนก็ลุยได้ไม่ต้องกั๊กเลย
Notes
แม้ Reels จะมาแรงในแง่ของคอนเทนต์ แต่ในด้านฟีเจอร์ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า Notes มาแรงในกลุ่มคน Gen Z มากจริง ๆ เพราะเป็นเหมือนการอัปเดตสเตตัส และแสดงมุมมองต่าง ๆ ได้ตามใจ เหมือนกับโซเชียลมีเดียยุคเก่าที่มักจะอัปเดตสเตตัสในปต่ละวันของตัวเองได้ แถมยังอัปภาพ และวิดีโอมาแทนภาพโปรไฟล์ไดด้วย
Threads
เพราะเคยมีประเด็นว่า Threads ของ Meta สามารถดึงดูดเม็ดเงินโฆษณาได้มากกว่า X (Twitter) ก็เลยเป็นอีกฟีเจอร์สำคัญที่คาดว่า Meta จะดันมากขึ้น หลังมีโอกาสที่จะดึงผู้คนจาก ) มาใช้งานได้ด้วย โดยเฉพาะการลงโฆษณามากขึ้นให้สมกับการเป็นแอปที่มีผู้ใช้แต่หลักพันล้านแล้ว
TikTok
อีกแพลตฟอร์มที่กำลังเป็นกระแสยอดนิยมอย่างต่อเนื่องมา 2 ปีแล้ว แต่ก็อาจมีช่วงที่โมเมนตัมของแพลตฟอร์มนี้ช้าลงบ้าง และทำให้ต้องรีโฟกัสกับกลุ่มผู้ใช้มากขึ้น เพื่อคงไว้ทั้งจำนวนผู้ใช้ และคอนเทนต์ที่อัปเดตเทรนด์มาตลอด
In-stream sales
นอกจากคอนเทนต์วิดีโอแล้ว คอนเทนต์ที่เน้นโลกอีคอมเมิร์ซสำหรับแบรนด์ หรือกลุ่มพ่อค้า แม่ค้าตัวเล็กก็มาแรงไม่แพ้กันอย่างที่แอปแม่จากจีนอย่าง Douyin ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ TikTok ก็คาดว่าจะลงสนามอีคอมเมิร์ซมากขึ้นด้วยโปรเจกต์ที่จะดันให้คนชอปปิงเพิ่มด้วย
Live-streaming
เหมือนกับโลกอีคอมเมิร์ซที่โลกของคอนเทนต์ไลฟ์สตรีมมิงก็มาแรง จะเห็นได้จากการเข้าไปในแอป TikTok ก็จะมีการไลฟ์อยู่ตลอดเวลา แล้วแต่ช่อง และคอนเทนต์ที่แตกต่างกันไป และจะเป็นอีกฟอร์แมตหนึ่งที่ช่วยดันยอดเอ็นเกจเมนต์ และผู้ติดตามได้ดีมาก ๆ บน TikTok
Creator partnerships
ในที่สุด TikTok ก็อยากให้แบรนด์ได้ทำงานคอลแลปกับคอนเทนต์ครีเอเตอร์มากขึ้น เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพให้กับการสร้าง Branded Content และสร้างโอกาสในการสร้างรายได้ให้กับครีเอเตอร์ด้วย ซึ่งจะได้ประโยชน์เพิ่มมากขึ้นทั้งสองฝ่าย ฉะนั้นจึงค่อนข้างคุ้มค่าที่แบรนด์จะมองหาได้ว่ามีครีเอเตอร์ในตลาด Niche Market แบบไหนบ้างที่จะสร้างมูลค่า และไกด์ Creative Direction ให้กับแบรนด์ได้
X (Twitter)
ดูเหมือน X จะเป็นแพลตฟอร์มที่สามารถคาดเดาการเปลี่ยนแปลงได้น้อยที่สุด เพราะมีการเปลี่ยนแปลงในแบบที่คาดไม่ถึงได้ตลอดเวลา แต่ก็ยังโฟกัสการเป็น “Everything App” อยู่ แม้จะสลัดภาพจำ X จาก Twitter แบบเก่าไม่หมดก็ตาม
Premium boost
หากใครอยากจะลงโฆษณา หรือได้รับสิทธิพิเศษอื่น ๆ มากขึ้น เป็นความจริงที่ว่าจะต้องสมัครแอคเคานท์พรีเมียม เพราะ Elon Musk กำลังผลักดันให้ผู้ใช้หันไปสมัครอยู่ จึงแสดงให้เห็นชัดเจนเลยว่าการสมัครแอคเคานท์พรีเมียมนั้นสำคัญสำหรับคนที่ต้องการทำการตลาดบน X มากแค่ไหน
Reduced competition
แม้จะไม่ใช่จำนวนที่แน่ชัดเพราะ X ไม่ได้รายงานจำนวนผู้ใช้ที่แอคทีฟต่อวันมาสักพักแล้ว แต่ก็คาดว่ากว่า 150 ล้านยูสเซอร์ต่อวัน และแบรนด์ที่ลงโฆษณาบน X ค่อย ๆ ลดลง กลับเป็นอีกช่องว่างทางโอกาสที่ทำให้การแข่งขันบนแพลตฟอร์มนี้ลดลงไปด้วย เพราะแบรนด์ใหญ่ ๆ เริ่มถอนโฆษณาออก และอาจจะเพิ่มยอดเอ็นเกจเมนต์ให้แบรนด์ตัวเล็ก ๆ แทนก็เป็นได้
Video focus
ตอนนี้ X เรียกตัวเองว่าเป็น “Vidro First Platform” และกำลังเพิ่มประสบการณ์ในการมีคอนเทนต์วิดีโอที่เอ็กซ์คลูซีฟมากขึ้นเพื่อเรียกยอดเอ็นเกจเมนต์ อย่างที่ผู้ใช้จำนวนกว่า 100 ล้านคนแท็บเพื่อขยายฟีดวิดีโอให้ดูแบบเต็มจอมากขึ้นในทุกวันนี้
ที่มา: https://www.socialmediatoday.com/news/social-media-platforms-2024-marketing/704553/