เมื่อ Twitter เริ่มที่จะให้คุณค่ากับเครื่องหมายติ๊กถูกสีฟ้าหรือเครื่องหมาย Verify มากขึ้น ทาง Meta เองก็มีสิทธิพิเศษให้กับคนที่เสียค่าสมัครสมาชิกเช่นกัน เราเลยจะมาเปรียบเทียบกันว่าความต่าง และความคุ้มค่าของเจ้าไหนดีกว่ากัน!
เพราะยอดเอนเกจเมนต์อาจไม่ฟรีอีกต่อไป การดันยอด Reach เพื่อเพิ่มการมองเห็นและได้รับฟีเจอร์เอ็กซ์คลูซีฟ จึงต้องแลกมากับการเสียค่าสมัครสมาชิกพิเศษกับทางแพลตฟอร์ม
ซึ่งทั้ง Twitter และ Meta ต่างก็มีฟีเจอร์ และสิทธิพิเศษต่างกัน ขึ้นอยู่กับว่าคุณที่เป็นแบรนด์ เอเจนซี หรือครีเอเตอร์จะเลือกใช้อย่างไรให้เหมาะกับช่องของตัวเอง เพราะฟังก์ชันเสริมทั้งสองฝั่งนั้นน่าสนใจไม่น้อย โดยสรุปได้ ดังนี้
Twitter Blue
- ราคา: 250 บาท / เดือน
- ความต่างของการ Verified เวอร์ชันเก่า และเวอร์ชันใหม่:
- มีความแตกต่างอย่างสิ้นเชิง เพราะ Twitter เพิ่มเครื่องหมาย Checkmarks แยกตามสี และแอคเคาต์ที่เป็นบุคคลมีชื่อเสียง ธุรกิจองค์กร และนักการเมือง
- ID Verification: ไม่มีระบบยืนยันตัวตน
- Reach Benefit: จากรีพลาย และการเสิร์ช
- สิทธิพิเศษ:
- การแก้ไขทวีต
- การแก้ไขไอคอน และปรับแต่งสีไอคอนแอป
- โปรไฟล์ NFT
- เพิ่มประสบการณ์ในการอ่าน
- ทวีตความยาว 4,000 ตัวอักษร
- อัปโหลดวิดีโอความยาวเพิ่มขึ้น
- SMS 2FA ที่ต้องส่งรหัส OTP
META
- ราคา: 415 บาท / เดือน (iOS จ่าย 515 บาท / เดือน)
- ความต่างของการ Verified เวอร์ชันเก่า และเวอร์ชันใหม่:
- เพจหรือครีเอเตอร์ไหนที่มีเครื่องหมาย Verified ก่อนที่จะปรับสิทธิพิเศษ จะไม่มีการเปลี่ยนแปลงอะไร นอกจากจ่ายเพิ่มต่อเดือน เพื่อให้ตัวเองมียอด Reach และการมองเห็นเพิ่มขึ้นเท่านั้น
- ID Verification: มีระบบยืนยันตัวตน เพราะต้องใช้ชื่อจริงในโปรไฟล์ แล้วค่อยเปลี่ยนเป็น Username
- Reach Benefit: ดันยอด Reach จากการมองเห็น
- สิทธิพิเศษ:
- Exclusive Sicker สำหรับใช้บน Reels
- 100 Stars สำหรับให้เพจหรือครีเอเตอร์ต่อเดือน
- มีเครื่องมือมอนิเตอร์แอปแบบ Proactive
อ้างอิง: SocialMediaToday