แม้ปีนี้อาจจะดูไม่ใช่ปีของแพลตฟอร์มครีเอเตอร์เท่าไหร่นัก เพราะอยู่ในช่วงที่ต่างก็เกิดการเปลี่ยนแปลงภายในบริษัท เกิดดารเลย์ออฟมากมาย ตั้งแต่ Twitter ที่มี Elon Musk เป็นซีอีโอ และ Meta ที่ลดจำนวนพนักงานลง กลับกันด้าน Creator Economy ยังคงมีแนวโน้มเติบโตต่อไปในปี 2023
Creator Economy เป็นอีกคำศัพท์ที่จะกลายเป็นที่นิยม คล้ายกับ Facebook ที่มีคำว่า Metaverse หรือเรียกว่า Buzzword ซึ่งมีความหมายว่าอุตสาหกรรมที่ท้าทายกลุ่มคนบนโลกอินเทอร์เน็ต และมีอิทธิพลบนโลกโซเชียลมีเดียเพื่อสร้างรายได้
ซึ่งปรากฏการณ์นี้ทำให้เกิดวลี “ไม่ว่าใครก็เป็นครีเอเตอร์ได้” เพียงแค่หาตัวตนให้เจอ และถ่ายลงโซเชียล จนเกิดการมองเห็น และเป็นที่รู้จัก แต่ในขณะเดียวกันก็มีกลุ่มคนมองว่ามันเป็นแพสชันที่ไม่ยั่งยืนเท่าไหร่นัก กับการแข่งขันที่จะสูงขึ้นเรื่อย ๆ จนกลายเป็น “Passion Economy” แทน
และหลักประกันที่จะการันตีอย่างแพลตฟอร์มเองก็มีการเปลี่ยนแปลง และสถานการณ์ขึ้นลงอยู่ตลอดเวลาเช่นกัน การที่ใครจะเข้ามาเป็นคอนเทนต์ครีเอเตอร์ในวงการนี้นั้น นับว่าต้องรับกับความเสี่ยงเหล่านี้ให้ได้ด้วย
โดยเฉพาะกับในปี 2023 ที่จะมีหลายอุตสาหกรรมเริ่มเปิดให้ครีเอเตอร์เข้ามามีบทบาทกับการตลาด และเศรษฐกิจมากขึ้น ไม่ใช่แค่แพลตฟอร์มเท่านั้นที่ต้องการกลุ่มคนอาชีพนี้
แต่ก็ต้องระวังในการหาหลักแหล่งที่อยู่บนแพลตฟอร์มต่าง ๆ ที่ล้วนไม่แน่นอน ไม่ว่าจะเป็น Facebook, Instgaram, YouTube หรือแม้แต่ TikTok ก็ตาม ทุกแพลตฟอร์มล้วนมีการเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา และมียุคทองเป็นของตัวเอง
ฉะนั้นการทำอาชีพคอนเทนต์ครีเอเตอร์ จึงไม่ควรยึดติดกับแพลตฟอร์มมากเกินไป เพราะคงวิ่งตามการเปลี่ยนแปลงไม่ไหว แต่ต้องรู้จักอยู่ให้เป็น พึ่งพาความสามารถ และการยืนได้ด้วยตัวเองให้มากที่สุดก่อน พร้อมรักษาฐานแฟนคลับ และเรียนรู้ที่จะตกกลุ่มแฟนคลับใหม่ ๆ ไปในเวลาเดียวกัน
โดยไม่ควรพึ่งพากับพาร์ทเนอร์ชิปอย่างบริษัทในอุตสาหกรรม หรือแวดวงที่มองทุกอย่างเป็นธุกิจมากเกินไป หรือใช้แพสชันจนเบิร์นเอาท์ จากสิ่งที่เคยชอบก็อาจกลายเป็นสิ่งที่ต้องทำเพื่อรายได้นั่นเอง
อ้างอิง: TechCrunch