ทุกวันนี้สิ่งที่เรียกได้ว่าเป็น Controversy มาก ๆ อย่างหนึ่งก็คืออัลกอริทึมของ Facebook ที่เลือกสรรเอาสิ่งต่าง ๆ มาแสดงบนหน้า Feed ของเรา ตั้งแต่โพสต์ของเพื่อน โพสต์และข่าวจากเพจต่าง ๆ ไปจนถึงโฆษณาที่บรรดา Advertiser เลือกที่จะยิงใส่เรา ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า Facebook เองก็เห็นถึงความสำคัญในส่วนนี้สืบเนื่องจากกรณีที่เกิดขึ้นเช่น Fake News, Echo Chamber ที่ส่งผลต่อทิศทางของประเทศอย่างมีนัยสำคัญ เช่น การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา หรือแม้กระทั่งการเลือกตั้งในไทยเองก็ตาม
ทุกวันนี้ เวลาที่เราเห็นโพสต์ต่าง ๆ ขึ้นบน Feed เราอาจจะเดาได้ว่าเป็นเพราะอะไร เช่น ถ้าเห็นว่าเป็นรูปเพื่อนของเพื่อน เราก็จะเดาได้ว่าก็เพราะว่าเราเป็นเพื่อนกับเพื่อนคนนี้ของเรา แล้วเขาไปกดไลค์หรือมี Engagement กับรูปของคนนั้น หรือโพสต์แนะนำต่าง ๆ ก็พอเดาได้ว่าเพราะเรากดไลค์เพจแบบเดียวกัน แล้วเพื่อนของเราก็กดไลค์โพสต์ของเพจนี้บ่อยครั้ง หรือโฆษณาต่าง ๆ เราก็พอเดาได้ว่าพฤติกรรมของเราไปเข้าข่ายให้เป็น Target ของ Interest หรือ Behaviour ตามที่ Facebook ประมวลไว้
แต่หลังจากนี้ เราอาจจะไม่ต้องเดากันเองอีกต่อไป เนื่องจาก Facebook นั้นกำลังทดสอบฟีเจอร์ที่จะให้ผู้ใช้งานสามารถรู้ได้ค่อนข้างตรงไปตรงมาว่า ทำไมเราจึงเห็นโพสต์นี้
สำหรับหน้าตาของเครื่องมือที่ Facebook ออกแบบมานี้ ก็เป็นปุ่มง่าย ๆ ที่พอเรากดเข้าไป ก็จะมีรายละเอียดต่าง ๆ แสดงขึ้นมา เป็นเงื่อนไขข้อ ๆ ว่า เหตุผลอะไร ถึงได้มีโพสต์นี้แสดงเข้ามาให้เห็น
แน่นอนว่าสิ่งที่ Facebook พยายามจะแก้ก็คือต้องการให้อัลกอริทึม Feed ของ Facebook มีความ Controversy น้อยลง ซึ่งมันจะเวิร์คหรือไม่นั้น ก็ต้องรอดูกันต่อไป แต่มีประเด็นที่น่าสนใจเหมือนกันว่าถ้าให้เราลองวิเคราะห์ดูแล้ว News Feed น่าจะเป็นฟีเจอร์ของ Facebook ที่ Facebook เองอยากกำจัดออกไปให้เร็วที่สุด เนื่องจากมันนั้นสร้างปัญหาเหลือเกิน และก่อนหน้านี้เราก็เคยวิเคราะห์กันมาว่า Facebook เองกำลังจะกลายเป็น Private Social Media แทนการเป็น หนังสือพิมพ์ที่ตีพิมพ์หลายพันล้านฉบับต่อว้น ทำให้เราพอจะเดาอนาคตของ Social Media ยักษ์ใหญ่อย่าง Facebook ได้อย่างสมเหตุสมผล
เรียบเรียงโดย ทีมงาน RAiNMAKER
