Creator Community ที่จะยกกำลังความสนุก จากเหล่าครีเอเตอร์กว่า 10 ช่อง จนเกิดเป็นความหลากหลายทั้งประเภท และคาแร็กเตอร์ โดยวันนี้เราได้ เทพลีลา และ softpomz มาเป็นตัวแทนในการพูดคุยเจาะลึกเกี่ยวกับ ‘”ยกกำลัง” ในแง่มุมที่คุณอาจไม่เคยรู้ที่ไหนมาก่อน

จุดประกายไอเดียรวมช่อง ‘ยกกำลัง’

ฝั่งเทพลีลาเล่าว่ายกกำลังเกิดจากความคิดที่อยากสร้างอะไรใหม่ ๆ บนโลกออนไลน์ การรวมเหล่าครีเอเตอร์ที่มีประสบการณ์อยู่แล้ว ทำให้ความเหนียวแน่นของครีเอเตอร์แต่ละช่องกับแฟนคลับค่อนข้างเยอะ เลยทำให้ยกกำลังกลายเป็นคอมมูนิตี้ที่แข่งแกร่ง มีคาแร็กเตอร์ที่หลากหลาย และมีความแปลกใหม่มากขึ้น

บวกกับแนวคิดของความเป็นบริษัทที่ไม่ได้มีใครคนใดคนหนึ่งเป็นเจ้าของ แต่เปรียบยกกำลังเป็นเหมือนบ้านหลังหนึ่งที่มีครีเอทีฟกลางคอยสร้างคอนเทนต์ให้เข้ากับครีเอเตอร์ทุกคน จึงเกิดเป็นความท้าทายในการสร้างสรรค์ไอเดียมากกว่าเดิม

แถมเรื่องการจัดสรรเวลาก็ยาก ทำให้ขั้นตอนการดำเนินงานยากขึ้นไปอีกขั้น แต่ผลที่ได้รับกลับมาคือ ผลลัพธ์ที่แปลกใหม่ผ่านการนำเสนอของแต่ละมิติของตัวละคร

แพลตฟอร์มที่เปลี่ยนแปลงกับครีเอเตอร์

ซอฟกล่าวว่าฟีเจอร์ใหม่ของแต่ละแพลตฟอร์มเกิดขึ้นจากสถานการณ์ที่เปลี่ยนไป แต่การเปลี่ยนแปลงที่เร็วเกินไป อาจทำให้ครีเอเตอร์หลายคนกระโดดลงไปเล่นโดยที่ยังไม่รู้แก่นของมันจริง ๆ

ทำให้ผลลัพธ์ที่ออกมาคือ หลายฟีเจอร์ไม่ตอบโจทย์คอนเทนต์นั้น หรือกลุ่มเป้าหมายเองก็ไม่ได้ใช้ทุกแพลตฟอร์ม 100% เพราะฉะนั้นสิ่งสำคัญคือต้องลองทำความเข้าใจตัวเอง คอนเทนต์ และกลุ่มเป้าหมายด้วย ซอฟฝากให้เป็นข้อคิดว่าการไปถึงแพลตฟอร์มใหม่ ๆ ก่อนไม่ได้แปลว่าจะประสบความสำเร็จ แต่ไปแบบช้า ๆ ด้วยความเข้าใจอาจได้ผลดีมากกว่าก็ได้

การทำงานร่วมกับแบรนด์

เทพลีลานิยามยกกำลังว่าเป็นตัวขาย เนื่องจากเป็นกลุ่มคนที่เต็มไปด้วยความถนัดหลากหลายแบบ และมีเอกลักลักษณ์เฉพาะตัวที่แตกต่างกันไป รวมถึงทุกคนเองก็เคยมีประสบการณ์การทำงานร่วมกับแบรนด์มาเยอะมาก

ตรงนี้เลยทำให้แบรนด์และเอเจนซีมองยกกำลังเป็นกลุ่มคนมากกว่าเป็นแค่ช่อง จนทำให้หลายครั้งแบรนด์เองก็เลือกร่วมงานในระดับแคมเปญมากกว่า หรือจะเรียกยกกำลังว่าเป็นกึ่ง Influencer Agency ที่เจาะด้านนี้โดยตรงเลยก็ว่าได้ 

ส่วนในแง่ของการทำงาน สังเกตได้ว่าความคิดของฝั่งแบรนด์เปลี่ยนไป เนื่องจากวิธีการสื่อสาร และพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยน อย่างการที่คนหันไปใช้คลิปสั้นมากขึ้นตามเทรนด์ แต่ละแพลตฟอร์มเองก็เริ่มเพิ่มช่องทางวิดีโอสั้นเข้ามาด้วย จึงทำให้ครีเอเตอร์ต้องปรับแนวทางคอนเทนต์ รวมถึงแบรนด์และเอเจนซีเองจึงต้องปรับความเข้าใจตามไปด้วย 

ซอฟเสริมว่าแบรนด์และเอเจนซีในยุคปัจจุบันมีความเชื่อ ความเข้าใจ และความกล้าใช้สื่อออนไลน์มากขึ้น นอกจากเรื่องบรีฟแล้วแบรนด์และเอเจนซีเองก็ช่วยในการระมัดระวังในการทำคอนเทนต์มากขึ้น โดยเฉพาะเรื่องจริยธรรมในการทำคอนเทนต์

ฝากถึงแบรนด์และเอเจนซีในวันที่ต้องร่วมงานกับครีเอเตอร์ 

ทั้งสามท่านตอบตรงกันว่าต้องเข้าใจครีเอเตอร์และกลุ่มเป้าหมายของเขาก่อน ซอฟอธิบายเพิ่มเติมว่าครีเอเตอร์ส่วนมากอยากได้บรีฟที่ละเอียด แต่ต้องไม่เอาไอเดียมาครอบทั้งหมด เพราะการควบคุมครีเอเตอร์มากเกินไป ทำให้ฐานคนดูของครีเอเตอร์จับความไม่เป็นตัวเองของครีเอเตอร์ได้

รวมถึงครีเอเตอร์ส่วนมากลงทุนและใช้เวลาเยอะในการสร้างความเชื่อใจกับคนดู เลยจำเป็นต้องใส่ใจและซื่อสัตย์ต่อคนดูมากเช่นกัน จึงเป็นเหตุผลที่ว่าแบรนด์เองก็ควรให้ความเชื่อใจครีเอเตอร์ด้วยนั่นเอง

ก้าวต่อไปของวงการครีเอเตอร์

ด้านเทพลีลาแนะนำว่าในฐานะครีเอเตอร์ต้องไม่หยุดนิ่งในการเปลี่ยนแปลงหรือพัฒนา เพราะอัลกอริทึมมีการเปลี่ยนอยู่ตลอดเวลา หากถามถึงแนวทางการทำคอนเทนต์สำหรับปัจจุบันพวกเขาอาจแนะนำให้ลองเริ่มจากคลิปสั้นก่อน เนื่องจากเป็นสิ่งที่คนกำลังให้ความสนใจ

ส่วนเรื่องการตลาด ทั้งคู่เชื่อเรื่องความเฉพาะตัวของตลาด Niche ที่คาดว่าน่าจะเติบโตมากขึ้นในอนาคต เนื่องจากคอนเทนต์ที่แตกต่างและข้อมูลที่แน่นจะช่วยเพิ่มคุณค่ามากขึ้น ถึงแม้ว่าฐานแฟนอาจไม่เยอะ แต่สิ่งที่ครีเอเตอร์จะได้รับคือความเหนียวแน่นของกลุ่มเป้าหมาย 

ส่วนซอฟทิ้งท้ายให้คนที่อยากเป็นครีเอเตอร์ว่า ไม่ว่าจะครีเอเตอร์หน้าใหม่หรือหน้าเก่า แต่หากทำคอนเทนต์ได้ถูกต้อง ถูกที่ ถูกเวลาก็สามารถแจ้งเกิดได้ ซึ่งความยากหลังจากนั้นก็จะไปตกอยู่ที่การทำอย่างไรเพื่อให้ตัวเองสามารถคงอยู่ในวงการต่อไปได้