เมื่อปีก่อน YouTube ได้ทำการอัปเดตครั้งใหญ่เกี่ยวกับ YouTube Partner Program (YPP) ที่จะเข้ามาช่วยให้ครีเอเตอร์สร้างรายได้บนแพลตฟอร์มผ่านฟีเจอร์ Fan Funding ต่าง ๆ เช่น Channel Memberships, Super Chat, Super Thanks, Super Stickers รวมถึงสามารถโปรโมตสินค้าบน YouTube Shopping ได้ด้วย ซึ่งโปรแกรมนี้รวมไปถึง Shorts และ Shorts Ad Revenue Sharing ด้วย
จากผลการรายงาน YouTube พบว่า ผู้ใช้ในสหรัฐฯ สร้างรายได้หลักจากฟีเจอร์ Fan Funding ในเดือนธันวาคม 2022 เพิ่มขึ้นกว่าปีก่อนหน้ามากกว่า 20% เพราะนอกจากจะเป็นหนทางในการเชื่อมต่อระหว่างครีเอเตอร์แล้ว ยังช่วยสร้างคอมมูนิตี้ และเป็นอีกช่องทางในการสร้างคอนเทนต์เอ็กซ์คลูซีฟให้แฟน ๆ ผ่าน Channel Memberships อีกด้วย
ทำให้แพลตฟอร์มเล็งเห็นถึงความเติบโตในโปรแกรมการสร้างรายได้ จึงมีการปรับคุณสมบัติในการเข้าร่วมโปรแกรม YouTube Partner Program (YPP) ให้ง่ายขึ้น เพื่อเพิ่มโอกาสใหม่ ๆ ให้ครีเอเตอร์
คุณสมบัติในการสมัคร YPP แบบเก่า
- มีผู้ตติดตาม 1,000 คน
- มีการอัปโหลดวิดีโอแบบสาธารณะใน 90 วันที่ผ่านมา
- มียอด Watch Hour มากกว่า 4,000 ครั้งในปีที่ผ่านมา หรือมียอดวิว Shorts 10 ล้านวิวใน 90 วันที่ผ่านมา
คุณสมบัติในการสมัคร YPP แบบใหม่
- มีผู้ตติดตาม 500 คน
- มีการอัปโหลดวิดีโอแบบสาธารณะใน 90 วันที่ผ่านมา
- มียอด Watch Hour 3,000 ครั้งในปีที่ผ่านมา หรือมียอดวิว Shorts 3,000 วิวใน 90 วันที่ผ่านมา
ขณะนี้ YouTube เริ่มปรับคุณสมบัติดังกล่าวสำหรับครีเอเตอร์ในประเทศสหรัฐฯ, ราชอาณาจักร, ไต้หวัน และเกาหลีใต้ก่อนเท่านั้น และจะเริ่มขยายไปสู่ประเทศอื่น ๆ มากขึ้นในอนาคต
นอกจากนี้ YouTube ยังอัปเดตโปรแกรม YouTube Shopping Affiliate สำหรับครีเอเตอร์ในสหรัฐฯ ที่อยู่ในโปรแกรม YPP และมีผู้ติดตามมากกว่า 20,000 คนขึ้นไป โดยโปรแกรมดังกล่าวให้ครีเอเตอร์สามารถแสดงสินค้าจากแบรนด์หรือครีเอเตอร์คนอื่นเข้ามาในคอนเทนต์ รวมถึงได้ค่าคอมมิชชันจากการแท็กสินค้าในวิดีโอปกติและ Shorts อีกด้วย
ซึ่ง YouTube ได้จับมือมากกว่า 50 แบรนด์ เช่น Nordstrom, Sephora, Ulta Beauty และ Wayfair เพื่อที่จะให้เหล่าสินค้าในแวดวงความงาม การแต่งตัว เทคโนโลยี และบ้าน สามารถแสดงและแท็กได้ทั้งในคลิปวิดีโอและ Shorts
ที่มา: YouTube
